กลุ่มที่ 1
:
สินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากได้แก่
สินค้าที่ไทยส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ตลาด
EU และตลาดญี่ปุ่น
คิดเป็นสัดส่วนรวมกันมากกว่า 50 % ของมูลค่าส่งออกสินค้าแต่ละรายการ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ
เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ เสื้อผ้าสำเร็จรูป
อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ หากสหรัฐฯ
EU
และญี่ปุ่น ชะลอการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากไทย
ก็มีแนวโน้มว่าจะกระทบต่อการส่งออกโดยรวมของไทยค่อนข้างมาก
กลุ่มที่
2
:
สินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบปานกลางได้แก่
สินค้าที่พึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ
EU และญี่ปุ่น
คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยประมาณ
30-40%
ของมูลค่าส่งออกสินค้าแต่ละรายการ ได้แก่
เครื่องคอมพิวเตอร์-อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า ยางพารา
เหล็ก-เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ
เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์พลาสติก
และเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ
คาดว่าสินค้าส่งออกกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบปานกลางจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
EU และญี่ปุ่น
เนื่องจากไทยสามารถชดเชยการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังตลาดส่งออกแห่งอื่นๆ
เช่น ตลาดอาเซียน จีน ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย เป็นต้น
กลุ่มที่ 3
:
สินค้าที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย
ได้แก่ สินค้าที่พึ่งพาการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ตลาด
EU และตลาดญี่ปุ่น ไม่มากนัก
คิดเป็นสัดส่วนประมาณ
10-25%
ของมูลค่าส่งออกสินค้าแต่ละรายการ ได้แก่
รถยนต์-อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์
และข้าว เนื่องจากไทยกระจายการส่งออกสินค้าเหล่านี้ไปยังตลาดส่งออกแห่งอื่นๆ
มากกว่าตลาดหลักทั้งสาม โดยมีตลาดอาเซียนและตลาดจีนเป็นแกนนำ
จึงคาดว่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยในกรณีที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ
EU
และญี่ปุ่นชะลอลงในปีหน้า |