Institute of Trade Strategies (สถาบันยุทธศาสตร์การค้า)

หอการค้าไทย

 

หน้าหลัก แนะนำสถาบัน

ความร่วมมือระหว่างประเทศ

การศึกษายุทธศาสตร์และผลงานวิจัย

บทความ ข้อมูลรายสินค้า
 
.

ทิศทางเศรษฐกิจไทยภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

โดย ดร. สุเมธ  ตันติเวชกุล

สรุปหลักแนวคิด

เศรษฐกิจพอเพียง

 
Trade Mission
ราชอาณาจักรบาห์เรน
สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
รัฐสุลต่านโอมาน

ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย

วัฒนธรรมชาวอาหรับ

Do's and DON'Ts in Arabian Society

The Smiling Military Intervention

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

 

 

.

     หอการค้าและสมาคมการค้า

หอการค้าไทย
หอการค้าจังหวัด
หอการค้าต่างประเทศในไทย
หอการค้าทั่วโลก
สมาคมการค้า

     หน่วยงานราชการ

กระทรวง
องศ์กรอิสระ

   สถาบันการเงิน

ธนาคาร

    สถาบันการลงทุน

สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน BOI

   สื่อสิ่งพิมพ์

หนังสือพิมพ์
นิตยสาร วารสาร

   สื่อออกอากาศ

สถานีโทรทัศน์
สถานีวิทยุ

ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค
ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์
ศูนย์ประชุมนานาชาติ BITEC

   เว็บไซต์อื่น ๆ

เอแบคโพลล์
สวนดุสิดโพลล์
     หอการค้าไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
     มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
     ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
     ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

     Thailand  development  Research  Institute (TDRI)

     มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย
     สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)
     สำนักงานสถิติแห่งชาติ
     สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (สคพ.) หรือ International Institute for Trade and Development (ITD)
     World Trade Orgainzition (WTO)
     International Trade Centre (UNCTAD/WTO)
     United Nations Conference on Trade and Development (UNCTAD)

 

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2157   15 ต.ค.  - 18 ต.ค. 2549

เศรษฐกิจมะกันแตะเบรก +เสี่ยงก่อผลสืบเนื่องในระดับโลก/แคนาดา เม็กซิโก จีน โอกาสกระทบหนักสุด
 
แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐส่อเค้าเข้าสู่ภาวะขาลง สะท้อนจากสัญญาณตลาดบ้านชะลอตัว และความเชื่อมั่นของบรรดาซีอีโอตกฮวบ นักวิเคราะห์ประเมิน หากสถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นตกต่ำในปีหน้า จะส่งผลกระทบหนักต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญ

นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในอนาคตอยู่ในภาวะค่อนข้างเสี่ยง เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยคาดว่า หากสหรัฐมีอัตราการขยายตัวชะลอลงในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า จะก่อผลกระทบได้ในระดับโลก และหากสถานการณ์เลวร้ายจนถึงขั้นตกต่ำในช่วงต้นปี 2550 จะสร้างปัญหาให้ในหลายประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นคู่ค้าหลักของสหรัฐ
 

นายแอนดริว ทิลตัน นักเศรษฐศาสตร์จากโกลแมน ซากส์ กรุ๊ปในนิวยอร์ก ระบุว่า ปรากฏการณ์การชะลอตัวจนถึงขั้นตกต่ำซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการของตลาดในสหรัฐตกลง ย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมทั่วโลก ทั้งในรูปการสูญเสียด้านรายได้และการจ้างงานที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการส่งออก โดยเฉพาะแคนาดา และเม็กซิโก ซึ่งส่งสินค้าออกไปยังสหรัฐคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของทั้งสองประเทศ จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด
 
รวมถึงจีนที่จะรู้สึกถึงผลกระทบบ้าง ซึ่งจากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 สหรัฐนำเข้าสินค้าจากจีนคิดเป็นมูลค่า 127,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มีการส่งออกไปยังจีนคิดเป็นมูลค่าเพียง 26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้อัตราการขาดดุลของสหรัฐ สูงขึ้นไปกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
 
นายทิลตัน ระบุเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตชะลอตัวเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 2-2.5% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2550 อาจส่งผลกระทบต่อญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปบ้างแต่ก็น้อย เนื่องจากขนาดเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศที่ค่อนข้างใหญ่ และสัดส่วนของสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐที่ค่อนข้างต่ำ
 
จากรายงานด้านเศรษฐกิจในเบจ บุ๊ก ของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ที่ใช้อ้างอิงสำหรับการประชุมเพื่อกำหนดนโยบาย ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากการชะลอตัวอย่างกว้างขวางในตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงตลาดรถยนต์ ส่วนอุตสาหกรรมด้านอื่นยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อไปได้

 
นายเบน เบอร์นานคี ประธานเฟด คาดว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะไม่ส่งผลกระทบจนถึงขั้นตกต่ำ และคาดว่าการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์จะส่งผลกระทบต่ออัตราการเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ราว 1% และอาจต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนประเมินว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงไปอยู่ที่ประมาณ 2% ในไตรมาส 3 เทียบกับไตรมาส 2 ซึ่งมีอัตราขยายตัวอยู่ที่ 2.6%
 
แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ยังสะท้อนผ่านความไม่มั่นใจของบรรดาผู้บริหารของบริษัทเอกชน ซึ่งจากการสำรวจความคิดเห็นของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทราว 100 ตัวอย่างที่จัดทำโดยกลุ่มวิจัย คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด สะท้อนว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มตัวอย่างตกลงไปอยู่ที่ 44 จากไตรมาส 2 ที่อยู่ที่ 50 และ 57 ในไตรมาสแรก ซึ่งอัตราที่ต่ำกว่า 50 มีค่าเท่ากับการลดความเชื่อมั่น และถือเป็นครั้งแรกที่ความเชื่อมั่นอยู่ในมุมมองลบนับตั้งแต่หลังเหตุการณ์วินาศกรรม 11 ก.ย. 2544
 
"การที่ซีอีโอมีความเชื่อมั่นลดลง เป็นสัญญาณสะท้อนการชะลอตัวของเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา และมีโอกาสที่จะเห็นสภาพเศรษฐกิจดำเนินต่อไปเช่นนี้จนถึงช่วงแรกของปี 2550" นายลิน แฟรนโก หัวหน้าศูนย์วิจัยผู้บริโภคของกลุ่มวิจัย กล่าว
 
ทั้งดัชนีความคาดหวังด้านประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมที่ตนสังกัดยังลดลงไปอยู่ที่ 45 ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 52 และมีซีอีโอเพียง 16% ที่ระบุว่า เศรษฐกิจในปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ดี ตกลงจากไตรมาสก่อนที่มีสัดส่วนถึง 27% ขณะที่ในอนาคต มีอยู่ 16% ที่คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้น ตกลงจากไตรมาส 2 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 21% และมีอยู่ประมาณ 20% ที่คาดว่าจะเห็นการปรับตัวในทางที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรมตน เทียบกับไตรมาสก่อนซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 31%

 

อ่านข่าวทั้งหมด:

 

 

หน้าหลัก    แนะนำสถาบัน    การศึกษายุทธศาสตร์และผลงานวิจัย    ข้อมูลรายสินค้า   แผนผังเว็บไซต์    ติดต่อสถาบัน    สำหรับเจ้าหน้าที่

 

สถาบันยุทธศาสตร์การค้า

อาคาร 20 ชั้น 5 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  ถนนวิภาวดีรังสิต  ดินแดง กรุงเทพฯ 10400

โทรศัพท์ 02-692-3162-3 โทรสาร 02-692-3161

E-mail: [email protected]  

 Last updated: 28-Feb-2008.