วันนี้จะขอคุยต่อเรื่องการค้าสินค้า
ซึ่งมักจะเป็นเรื่องแรกที่เราคิดถึงเกี่ยวกับ WTO และ FTA
ครั้งที่แล้วคุยกันเรื่องสินค้าเกษตรไปแล้ว
ทีนี้เรามาต่อกันเรื่องสินค้าอุตสาหกรรมบ้างนะครับ
การเจรจาเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะการลดภาษีศุลกากรสินค้านำเข้า
เป็นเรื่องที่พวกเราน่าจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว
ตั้งแต่ไทยเข้าเป็นภาคีสมาชิกของ GATT เมื่อปี 2525
เข้าร่วมการเจรจาการค้ารอบอุรุกวัย (ปี 2529-2537)
เข้าเป็นสมาชิกก่อตั้งของ WTO ตั้งแต่ปี 2538
และเข้าร่วมการเจรจาการค้ารอบโดฮา (ปี 2544-ปัจจุบัน) นอกจากนี้
ไทยยังเป็นสมาชิกก่อตั้งของเขตการค้าเสรีอาเซียนหรือ AFTA
ตั้งแต่ปี 2535
ภายใต้ WTO
สมาชิกแต่ละประเทศผูกพันที่จะไม่เก็บภาษีศุลกากรสูงไปกว่าอัตราที่กำหนดไว้ในตารางข้อผูกพันของตน
(bound rates)
โดยในกรณีของประเทศพัฒนาแล้วอัตราที่ผูกพันมักจะเท่ากับอัตราที่เก็บจริง
(applied rates)
แต่ประเทศกำลังพัฒนามักจะผูกพันไว้สูงกว่าอัตราที่เก็บจริง (ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถขึ้นอัตราศุลกากรได้จากอัตราที่เก็บจริงตราบเท่าที่ไม่เก็บสูงไปกว่าอัตราที่ผูกพัน)
และส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้ผูกพันสินค้าทุกรายการ ทั้งนี้
ในการเจรจาการค้ารอบโดฮาเรื่องการเปิดตลาดสินค้าที่ไม่ใช่เกษตร
(Non-Agricultural Market Access หรือ NAMA)
ไทยผลักดันอย่างเต็มที่ทั้งเรื่องสูตรการลดภาษี
การเจรจารายสาขาที่ไทยมีศักยภาพ (อาทิ อัญมณี/เครื่องประดับ
เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าประมง)
และขอให้ประเทศกำลังพัฒนาผูกพันสินค้าทุกรายการ
เพื่อให้สมาชิกเปิดตลาดเพิ่มขึ้นและมีผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง
ไทยจะสามารถขายสินค้าในตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น