นางอภิรดี
ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า
กระทรวงพาณิชย์จะเปิดประมูลข้าวสารหอมมะลิ
จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 47/48 จำนวน 200,000
ตัน เพื่อจำหน่ายในประเทศ และหรือส่งออก และข้าวขาวชนิด 5%
จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 48/49 จำนวน 200,000 ตัน
เพื่อส่งออก รวมทั้งสิ้น 400,000 ตัน
โดยผู้สนใจเข้ายื่นซองเสนอราคาในวันที่ 28 พ.ย.นี้
ขณะนี้ภาวะการซื้อขายข้าวในประเทศตึงตัวมาก
แม้ผลผลิตข้าวนาปีจะออกสู่ตลาดแล้ว
แต่เพราะผลผลิตบางส่วนเสียหายจากน้ำท่วม
ข้าวสารที่ผู้ประกอบการซื้อไว้เก็งกำไรได้ระบายออกในช่วงก่อนหน้านี้
และเวียดนามได้หยุดส่งออกข้าว
ทำให้ความต้องการจากต่างประเทศไหลมาที่ไทย
จึงจำเป็นต้องเร่งระบายข้าว
เพื่อให้ผู้ส่งออกมีข้าวไปส่งออก เชื่อว่าปริมาณ 400,000
ตันที่ระบายออกนี้จะไม่กระทบต่อตลาดแน่นอน
ด้านนายวิจักร
วิเศษน้อย รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า
ขณะนี้รัฐมีสต๊อกข้าวประมาณ 3.1 ล้านตัน
แบ่งเป็นข้าวขาวประมาณ 2.5-2.6 ล้านตัน
และข้าวหอมมะลิอีกประมาณ 600,000 ตัน
หากการประมูลครั้งนี้สามารถระบายได้ทั้งหมด 400,000 ตัน
จะทำให้รัฐเหลือข้าวขาวประมาณ 2.1-2.2 ล้านตัน
และข้าวหอมมะลิประมาณ 200,000 ตัน อย่างไรก็ตาม
กระทรวงพาณิชย์ยังมีนโยบายขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)
ให้กับประเทศเป้าหมาย ได้แก่ อิหร่าน มาเลเซีย อินโดนีเซีย
ฟิลิปปินส์ คิวบา และไลบีเรีย โดยจะมีทั้งขายเป็นเงินสด
และการให้สินเชื่อ
ขณะที่นายการุณ กิตติสถาพร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า
ในเดือน พ.ย.นี้ กระทรวงพาณิชย์อาจไม่ระบายข้าวถึง 2
ครั้งตามที่เคยกำหนดก็ได้
เพราะที่จริงยังไม่มีความจำเป็นต้องระบายข้าวในขณะนี้
แต่ที่ ต้องระบายก็เพื่อให้ผู้ส่งออกมีข้าวส่งออกได้
อย่างไร ก็ตาม
หากผู้ส่งออกที่จะยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวจากรัฐมีการฮั้วกดราคารับซื้อต่ำเหมือนที่ผ่านมา
กระทรวงพาณิชย์ ก็อาจไม่พิจารณาระบายข้าวให้ก็ได้
ส่วนการจะขึ้นบัญชีดำผู้ส่งออกที่ฮั้วกดราคาซื้อข้าวรัฐต่ำๆนั้น
คงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายกำหนด
และยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าผู้ส่งออกฮั้วกดราคาซื้อต่ำอีกด้วย.
|
|