นายการุณ กิตติสถาพร
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยในเดือน ต.ค. 2549
มีมูลค่าทั้งสิ้น 11,500.80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 20.1%
ซึ่งเป็นการส่งออกที่ขยายตัวสูงเกินกว่า 10,000
ล้านเหรียญสหรัฐฯต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า
11,690.40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 9.5%
ส่งผลให้เดือนนี้ไทยเกินดุลการค้า 810.40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ทั้งนี้ เมื่อรวมการส่งออกในช่วง 10 เดือนแรกของปี
2549 (ม.ค.-ต.ค.) มีมูลค่ารวม 107,117.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 16.8%
ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 106,670 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 7.9%
ซึ่งจากมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มมากกว่า ทำให้ไทยพลิกกลับมาเกินดุลการค้า
447.20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548 ที่
ขาดดุลการค้าสูงถึง 7,136.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ดุลการค้ารวมติดลบมาโดยตลอด
เพิ่งมามีสัญญาณดีเมื่อช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ไทยเกินดุลการค้าสูงถึง
1,506.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ยอดขาดดุลการค้าลดลง
โดยตอนนั้นก็พูดไว้ว่าทั้งปีอาจจะเกินดุลหรือขาดดุลบวกลบไม่เกิน 1,000
ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมาเดือน ต.ค.นี้ ไทยเกินดุลการค้าอีก
ทำให้ยอดรวมพลิกกลับ มาเกินดุลการค้าในรอบ 10 เดือน
ซึ่งทั้งปีหากตัวเลขดุลการค้าอยู่ในระดับนี้ ก็จะไม่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
นายการุณกล่าว
ด้านนายราเชนทร์ พจนสุนทร
อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า ผ่านมา 10 เดือน ไทยส่งออกได้
107,117.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 16.8% คิดเป็น 82.2%
ของเป้าหมายการส่งออกทั้งหมด
ซึ่งหากจะทำให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าทั้งปีจะขยายตัว 17.5% นั้น
จะต้องผลักดันการส่งออกที่เหลืออีก 2 เดือนให้ได้เฉลี่ยเดือนละ 11,626
ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม
มั่นใจว่ายอดส่งออกทั้งปีน่าจะมีมูลค่าประมาณ 128,700-130,400
ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวระหว่าง 16-17.5%
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค
รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า เดือน พ.ย.จะมีการนำเข้าสำคัญ เช่น
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) นำเข้าเครื่องบิน 3 ลำ มูลค่า 430.90
ล้านเหรียญสหรัฐฯ บริษัท กฟผ.จำกัด (มหาชน)
นำเข้าวัสดุที่นำมาใช้ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า 45.10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) นำเข้าท่อส่งก๊าซและอุปกรณ์ มูลค่า 38
ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นต้น
เท่าที่ประเมินแนวโน้มการนำเข้าในเดือน พ.ย.คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 11,000
ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนเดือน ธ.ค.ก็น่าจะอยู่ในระดับเดียวกัน
ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาด ทั้งปีไทยจะไม่ขาดดุล การค้าอย่างแน่นอน
นางนันทวัลย์กล่าว
สำหรับการนำเข้าในช่วง 10
เดือนแรก กลุ่มสินค้าที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง
เพิ่มขึ้น 22.2% สินค้าทุน 5.5% สินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป 3.9%
สินค้าอุปโภคบริโภค 15.3% ส่วนสินค้าที่นำเข้าลดลง ได้แก่ ยานพาหนะ/อุปกรณ์
ขนส่ง ลดลง 4.9% อาวุธยุทธปัจจัยและสินค้าอื่นๆ ลดลง 6.1%
อย่างไรก็ดี
ก่อนหน้านี้ในการประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลก นายราเชนทร์ พจนสุนทร
อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า
ได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์กำหนดเป้าหมายการส่งออกของไทยในปี 2550
มาเสนอภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง หมายความว่า
การกำหนดเป้าหมายการส่งออกของไทยในแต่ละประเทศจะต้องดูศักยภาพที่ผู้ประกอบการไทยสามารถส่งออกได้
ไม่เกินกำลังของตนเอง และไม่กำหนดเป้าหมายที่สูงเกินไป
ทั้งๆที่ศักยภาพการส่งออกไปไม่ถึง
คาดว่าจะได้ข้อสรุปเป้าหมายการส่งออกของปีหน้าก่อนสิ้นปีนี้
ในที่ประชุมได้พูดถึงเศรษฐกิจพอเพียง โดยปลัดกระทรวงพาณิชย์
ชี้แจงให้ทูตพาณิชย์รับทราบคำว่าพอเพียงจะต้องสอดคล้องกับเศรษฐกิจเสรี
แต่ต้องมีคุณธรรมในการทำงาน ซึ่งรูปแบบจะต้องทำพอดี อย่าเกินตัว เช่น
การผลักดันส่งออกสินค้าไทย หากมีศักยภาพผลิตแค่ 100 ชิ้น
แต่ไปตั้งเป้าหมายการส่งออก 400 ชิ้น ก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก นอกจากนี้
ยังได้หารือถึงแนวทางการทำงานของทูตพาณิชย์ที่จะต้องปรับให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกระทรวง
โดยเฉพาะการเชื่อมโยงตลาดอาเซียนว่าจะมีการเสริมยุทธศาสตร์
อย่างไรให้เพิ่มความเข้มแข็งในกลุ่มอาเซียนเอง ซึ่ง รมว.พาณิชย์
ต้องการให้เกิดขึ้น นายราเชนทร์ กล่าวในที่สุด.
|