|
ทิศทางเศรษฐกิจไทยภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โดย ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล |
| |
| |
ราคาตลาดพุ่งนำหน้า"ราคารับจำนำ" แทรกแซงตลาดมันแบบขั้นบันไดได้ผล |
|
| |
.
ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว
กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดจุดรับจำนำในโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2549/50
ไม่ได้ แถมมีแนวโน้มว่าถึงเปิดได้ก็ไม่มีใครนำหัวมันมาจำนำ
เพราะราคาตลาดพุ่งสูงเกินกว่าราคารับจำนำไปแล้ว 50 สตางค์-1 บาท/ก.ก.
เหตุเกษตรกรไม่ต้องรีบร้อนขุดหัวมัน เพราะเปิดจำนำแบบขั้นบันได
ราคาจำนำขึ้นเดือนละ 50 สตางค์/ก.ก.อยู่แล้ว สมาคมการค้ามันฯคาดการณ์ปีทองส่งออกมันหลังสหภาพยุโรปเสนอซื้อล่วงหน้าเดือน
1-6 เข้ามาแล้วถึง 100 เหรียญ/ตัน
คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วย
เหลือเกษตรกร (คชก.) มีมติให้ดำเนินการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2549/50
ด้วยการให้องค์การคลังสินค้า (อคส.)
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
ดำเนินการรับจำนำหัวมันสดจากเกษตรกรในปริมาณ 7.5 ล้านตัน
เพื่อแปรสภาพเป็นแป้งมัน-มันเส้น ตามความเหมาะสม โดยราคารับจำนำจะกำหนดเป็น
"ขั้นบันได" เพื่อจูงใจให้เกษตรกรไม่ต้องรีบขุดหัวมันออกมาขาย
โดยกำหนดราคารับจำนำหัวมันสด เชื้อแป้ง 25% ณ จุดรับจำนำ (ราคาจำนำปรับเพิ่มขึ้น
50 สตางค์/ก.ก./เดือน) ดังต่อไปนี้
เดือนพฤศจิกายน 2549 ก.ก.ละ
1.25 บาท เดือนธันวาคม 2549 ก.ก.ละ 1.30 บาท เดือนมกราคม 2550 ก.ก.ละ 1.35
บาท เดือนกุมภาพันธ์ 2550 ก.ก.ละ 1.40 บาท เดือนมีนาคม 2550 ก.ก.ละ 1.45
บาท และเดือนเมษายน 2550 ก.ก.ละ 1.50 บาท ณ
เปอร์เซ็นต์เชื้อแป้งอื่นปรับเพิ่ม/ลดเปอร์เซ็นต์ละ 0.02 บาท
เกษตรกรมีระยะเวลาไถ่ถอน 3 เดือน
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ"
รายงานเข้ามาว่า จนกระทั่งถึงบัดนี้ โครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี
2549/50 ยังไม่ได้เปิดดำเนินการ เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ กับโรงแป้ง/ลานมัน
ยังตกลงอัตราแปรสภาพและค่าจ้างแปรสภาพไม่ได้
ประกอบกับราคาหัวมันสดในขณะนี้ได้ปรับตัวสูงเกินกว่าราคารับจำนำไปแล้ว
กล่าวคือ ราคาหัวมันสดที่ออกสู่ตลาดในอีสานตอนบนอยู่ที่ ก.ก.ละ 1.40 บาท
ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยหัวมันสดทั่วประเทศอยู่ที่ ก.ก.ละ 1.30 บาท
หรือสูงเกินกว่าราคารับจำนำของรัฐบาลไปแล้ว 50 สตางค์
ในวงการค้ามันสำปะหลังมีความเชื่อว่า
ใน 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ "อาจจะ" ไม่มีการรับจำนำหัวมันสดเกิดขึ้นจริง
เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดไม่มากนัก
นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากนโยบายการรับจำนำแบบขั้นบันไดของรัฐบาลที่เพิ่มราคารับจำนำ
50 สตางค์/ก.ก./เดือน
ส่งผลให้ชาวไร่มันรู้ว่าเวลาไหนที่ตัวเองควรจะขุดหัวมันขึ้นมาขาย
ไม่ต้องรีบขุดจนสินค้าประดังออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากเหมือนกับทุกปีที่ผ่านมา
"เกษตรกรน่าจะทยอยขุดหัวมันออกสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป
เพราะขุดตอนนั้นจะได้ราคาถึง ก.ก.ละ 1.40 บาท หากรออีก 2
เดือนก็จะได้ราคาจำนำ 1.50 บาท เท่ากับราคารับจำนำของปีที่แล้ว
เท่ากับโครงการรับจำนำของรัฐบาลจะเริ่มอย่างเป็นจริงเป็นจังก็ต้องหลังปีใหม่ไปแล้ว"
พ่อค้าลานมันรายหนึ่งกล่าว
อย่างไรก็ตาม
ปีนี้น่าจะถือเป็นปีทองของการส่งออกมันสำปะหลังไทย
หลังจากมีรายงานข่าวเข้ามาว่า
ธัญพืชในสหภาพยุโรปประสบกับภัยแล้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวสาลีมีราคาสูงมาก
ส่งผลให้ธัญพืชตัวอื่นๆ ทั้งข้าวโพด-มันสำปะหลัง ปรับราคาสูงขึ้นตามไปด้วย
เฉพาะมันอัดเม็ด ราคาล่วงหน้าเดือน 1-6 รอตเตอร์ดัม ปรับขึ้นไปสูงถึง 100
เหรียญ/ตันแล้ว ขณะที่ราคามันเส้นที่จีนเสนอซื้อก็ไล่ตามมาติดๆ ประมาณ
102-103 เหรียญ/ตัน
"ปี 2550 จะเป็นปีแรกในช่วง 2
ปีที่ผ่านมาที่ผู้ซื้อในสหภาพยุโรปเสนอซื้อมันอัดเม็ดจากไทย
หลังจากเดือนมกราคม-กันยายน 2549 ส่งออกไปได้แค่ 220,000 ตันเท่านั้น
ส่วนจีนซื้อมันเส้นจากไทยไปแล้ว 2.79 ล้านตัน ทางสมาคมการค้า
มันสำปะหลังไทยถึงกับประมาณการอย่างไม่เป็นทางการเอาไว้ว่า ปี 2549/50
จะสามารถส่งออกมันอัดเม็ดไปได้ถึง 1 ล้านตัน ส่วนมันเส้นน่าจะส่งออกไปได้
4.2 ล้านตัน" โบรกเกอร์ค้ามันรายหนึ่งกล่าว
ที่สำคัญก็คือ
มีข่าวไม่ยืนยันออกมาว่า
ขณะนี้ผู้ส่งออกมันสำปะหลังไทยได้ทยอยขายมันอัดเม็ดล่วงหน้าไปยังสหภาพยุโรปแล้วไม่ต่ำกว่า
500,000 ตัน โดยอาศัยจังหวะในช่วงรอยต่อระหว่างโครง การแทรกแซงเก่า
กับโครงการแทรกแซงใหม่
จากต้นทุนวัตถุดิบหัวมันสดที่ถูกกว่าในปัจจุบันรีบขายล่วงหน้าไปยังสหภาพยุโรปอย่างน้อยก็เพื่อให้ราคา
cover ไม่เสี่ยงในการขายช่วงหลังจากที่เปิดโครงการรับจำนำไปแล้ว
สำหรับอัตราแปรสภาพ กับค่าจ้างแปรสภาพ
ที่ยังตกลงกันไม่ได้นั้น ล่าสุดมีรายงานเข้ามาว่า
กลุ่มโรงแป้งยอมรับอัตราแปรสภาพที่ 4.4 ก.ก.ต่อแป้งมัน 1 ก.ก. กับค่าจ้าง
2,500 บาท/ตันแล้ว ส่วนลานมันยังไม่ยอมรับข้อเสนอ อัตราแปรสภาพที่ 2.38
ก.ก.ต่อมันเส้น 1 ก.ก. กับค่าจ้าง 300 บาท/ตัน
แต่น่าจะตกลงกันได้ภายในสัปดาห์นี้
เพื่อเปิดจุดรับจำนำให้ทันในเดือนมกราคมปีหน้า
ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี
2549/50 ทาง คชก.ได้อนุมัติวงเงินไว้ที่ 1,884.39 ล้านบาท แบ่งเป็น 1)ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) วงเงิน 284.38 ล้านบาท เป็นค่าดอกเบี้ยเงินกู้ MRR-1 (7.50%-1 =
6.5%) ระยะเวลา 10 เดือน
2)องค์การคลังสินค้า (อคส.) วงเงินจ่ายขาดเบื้องต้น 1,481.74 ล้านบาท
แบ่งเป็น ค่าใช้จ่ายในการแปรสภาพมันเส้น/แป้งมัน 812.81 ล้านบาท,
ค่าใช้จ่ายในการฝากเก็บมันเส้น/แป้งมัน 139.67 ล้านบาท,
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรับฝาก/ออกใบประทวน + ค่า overhead (?) 140.03
ล้านบาท, ค่าขนส่ง วงเงิน 389.22 ล้านบาท
3)กรมการค้าภายใน (คน.) วงเงิน 10 ล้านบาท
เป็นค่าเพิ่มประสิทธิภาพในการรับจำนำ (?)
หน้า 10
|
|
| |
|
ที่มา
:ประชาชาติ
วันที่
20
พฤศจิกายน พ.ศ. 2549
. |
|
|
