นักธุรกิจไทยร่วมเวทีเอเปค
แจงต่างชาติการเมืองไทยเปลี่ยนไม่กระทบการค้าและการลงทุน กลไกต่างๆ
ยังเดินหน้า เคลียร์นโยบายเศรษฐกิจพอเพียงมุ่งเน้นความพอดี
ไม่สกัดกั้นเงินทุนชาติอื่น เผยต่างชาติเข้าใจ
นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย
ผู้เข้าร่วมประชุมนักธุรกิจกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค)
กล่าวว่า ในการพบปะพูดคุยกับนักธุรกิจสมาชิกกลุ่มเอเปค
ได้ชี้แจงถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทย และยืนยันว่า
แม้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่กลไกต่างๆ
ของภาครัฐและเอกชนยังเดินหน้าไปตามปกติ
ซึ่งต้องการให้นักธุรกิจต่างชาติมองถึงการปฏิรูปประชาธิปไตยของไทยทั้งระบบ
ไม่ใช่ดูเฉพาะมีการเลือกตั้งหรือไม่
"หากมีเลือกตั้งแล้ว
กลไกไม่สามารถเดินหน้าได้ตามระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็นก็มีปัญหาเช่นกัน
แต่ขณะนี้รัฐบาลชุดปัจจุบัน แม้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง
ก็สามารถทำให้กลไกต่างๆ เดินหน้าได้ตามปกติอย่างได้ผลดี
ซึ่งนักธุรกิจต่างชาติก็มีความเข้าใจการเมืองของไทยมากขึ้น" นายธวัชชัย
กล่าว
นอกจากนี้
นักธุรกิจกลุ่มเอเปคยังได้สอบถามถึงแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของไทยด้วย
ซึ่งได้ชี้แจงไปว่า
นโยบายเศรษฐกิจพอเพียงจะไม่มีผลกระทบต่อเรื่องการค้าการลงทุนใดๆ
ของไทยกับต่างชาติแน่นอน
แต่เป็นนโยบายที่มุ่งเน้นการสร้างความพอดีในการลงทุน ไม่ให้เกิดการลงทุน
หรือดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่เกินพอดี จนเกิดปัญหาตามมาภายหลัง
อีกทั้งแนวทางดังกล่าวก็สอดคล้องกับการดำเนินงานของภาคธุรกิจใหญ่ๆ
ที่จะต้องมีธรรมาภิบาล มีความโปร่งใส ไม่ใช้จ่าย หรือลงทุนใดๆ
ที่เกินตัวอยู่แล้ว
นายธวัชชัย กล่าวว่า
ในการการประชุมของสภาที่ปรึกษาธุรกิจกลุ่มเอเปค กลุ่มนักธุรกิจของเอเปค
มีข้อกังวลที่ได้นำเสนอต่อการประชุมผู้นำเอเปคใน 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.การเจรจาการค้ารอบโดฮา
2.เรื่องของพลังงาน และ 3.ความกังวลเกี่ยวกับบทบาทของกองทุนต่างๆ
รวมทั้งปัญหาเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งที่ผ่านมามักจะมีการอ้างจากสหรัฐ
ซึ่งมีกองทุนต่างๆ จำนวนมากว่าเป็นการลงทุนตามกลไกตลาด
และไม่มีผลกระทบถึงกลุ่มคนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พิสูจน์แล้วว่า
การดำเนินงานของกองทุนได้ส่งผลกระทบไปถึงกลุ่มคนทั่วไป
ซึ่งนักธุรกิจสหรัฐก็เคยแสดงความเห็นเรื่องนี้มาแล้ว
และบางครั้งการดำเนินงานของกองทุนก็ขาดความโปร่งใสในเรื่องแหล่งที่มาของเงินทุน
|