หอการค้าไทยตั้งคณะกรรมการจัดการประชุมเพื่อแก้ปัญหาค่าเงินบาทเป็นการเฉพาะ
หลังค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง
พร้อมจัดตั้งสถาบันการสร้างมาตรฐานทางด้านวิชาชีพและเทคโนโลยี
เพื่อยกระดับแรงงานและประเมินคุณค่าด้านวิชาชีพเฉพาะทางให้แต่ละภาคอุตสาหกรรมไทยให้มากขึ้น
(12 ธ.ค.) นายดุสิต นนทนาคร
กรรมการเลขาธิการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารประจำเดือนธันวาคมนี้ ว่า
ที่ประชุมได้มีการหยิบยกประเด็นปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้
ดังนั้น
ที่ประชุมจึงมีมติให้หอการค้าไทยประสานงานกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการจัดการประชุมเพื่อแก้ปัญหาค่าเงินบาทเป็นการเฉพาะขึ้น
โดยมีนายฉัตรชัย บุญรัตน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เป็นประธานการประชุม
ซึ่งผลของการประชุมจะนำไปเป็นข้อเสนอแนะให้ภาครัฐช่วยแก้ปัญหาเรื่องค่าเงินบาทในระยะสั้น
โดยขณะนี้ผู้ประกอบการไม่สามารถกำหนดราคาสินค้าส่งออกได้
เนื่องจากค่าเงินบาทที่ผันผวนค่อนข้างมาก
จึงอยากให้รัฐช่วยสร้างความมั่นใจในเรื่องค่าเงินเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถกำหนดราคาสินค้าส่งออกล่วงหน้าได้
รัฐต้องสร้างความมั่นใจในเรื่องค่าเงินก่อนว่าจะอยู่ในระดับที่เท่าไร
ไม่ใช่ปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จนไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ระดับไหน
ทำให้เอกชนไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะกำหนดราคาขายสินค้าล่วงหน้าเท่าไรดี
หากดูค่าเงินบาทของเราแข็งค่าขึ้นกว่าประเทศคู่แข่งมาก
ซึ่งทำให้เราเสียเปรียบในการแข่งขันมาก
รัฐควรมาดูแลไม่ให้ค่าเงินของไทยแข็งค่ามากกว่าคนอื่น
เพราะหากจะเจ๊งมันต้องเจ๊งทั้งหมดไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียว นายดุสิต
กล่าว
นอกจากนี้
ที่ประชุมยังได้หารือถึงแนวทางการจัดตั้งสถาบันการสร้างมาตรฐานทางด้านวิชาชีพและเทคโนโลยี
เพื่อจะยกระดับแรงงานและประเมินคุณค่าด้านวิชาชีพเฉพาะทางให้มากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นแรงงานในด้านช่างฝีมือและเทคโนโลยี
โดยจะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)
เพื่อนำเสนอข้อมูลให้ภาครัฐช่วยเหลือต่อไป
โดยเรื่องการยกระดับวิชาชีพของไทยให้เป็นมาตรฐานถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
เนื่องจากที่ผ่านมาไทยขาดแคลนแรงงานด้านวิชาชีพที่มีความรู้
จึงเป็นการเปิดช่องให้กับแรงงานต่างด้าวที่มีความรู้เข้ามาทำงานในวิชาชีพต่าง
ๆ จำนวนมาก ดังนั้น
การตั้งสถาบันเพื่อฝึกอบรมวิชาชีพและประเมินคุณค่าวิชาชีพให้เป็นมาตรฐานถือเป็นสิ่งจำเป็นที่รัฐบาลต้องเข้ามาดูแลและภาคเอกชนเตรียมเสนอเรื่องนี้ให้ภาครัฐพิจารณาสนับสนุนต่อไป