ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
เห็นว่าภาวะตลาดส่งออกสินค้าของชำร่วยและเครื่องประดับตกแต่งของไทยในปี
2550 น่าจะมีแนวโน้มที่สดใสเมื่อเทียบจากปีก่อนด้วยระดับการเติบโตประมาณร้อยละ
5-10 ทั้งนี้ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากผู้ผลิตสินค้ากลุ่มนี้เพื่อการส่งออกของไทยได้มีการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วยการนำเทคนิคด้านการออกแบบมาใช้ในการพัฒนาสินค้าให้มีรูปลักษณ์
สีสัน
และลวดลายที่มีความทันสมัยตรงกับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น
พร้อมทั้งให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและปรับปรุงเครื่องจักรให้ทันสมัยขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตทั้งด้านปริมาณและคุณภาพของสินค้า
จนสามารถสร้างความแตกต่างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ของจีนได้
โดยมีตลาดสหภาพยุโรป
และตลาดใหม่ๆอย่างเอเชีย อาเซียน
และแอฟริกาเป็นตลาดที่มีบทบาทเพิ่มมากขึ้น
ขณะที่แนวโน้มตลาดส่งออกของชำร่วยและเครื่องประดับเซรามิกในปี
2551 นั้น
คาดว่าน่าจะขยายตัวได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี
2550 แต่ยังคงมีแรงกดดันจากปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
ทั้งปัญหาราคาน้ำมันที่คาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง
การแข็งค่าขึ้นของเงินบาท และแนวโน้มภาวะการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทยอย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น
รวมถึงจำนวนคู่แข่งทั้งผู้ประกอบการคนไทยด้วยกันเอง
ผู้ประกอบการในตลาดคู่ค้า และคู่แข่งต่างชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนามาตรฐานคุณภาพของสินค้าของชำร่วยและเครื่องประดับตกแต่งเซรามิกอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงการนำเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยเข้ามาใช้เพื่อยกระดับในค้าให้สูงขึ้นโดยด่วน ขณะเดียวกันควรเน้นกลยุทธ์ในการสร้างตราสินค้าเพื่อให้เป็นที่รู้จักและจดจำในกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย โดยอาศัยการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งในส่วนของสีสัน รูปแบบรูปทรงที่แตกต่างจากรูปทรงทั่วไปที่อาจจะอิงความเป็นธรรมชาติเช่นรูปหยดน้ำ
ใบไม้ หิน ดอกไม้
หรือนำสิ่งที่มีอยู่ตามธรรมชาติมาตกแต่งสร้างสรรค์สินค้า
ภายใต้เงื่อนไขเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละตลาดเป็นสำคัญ และควรมีการกำหนดราคาในระดับที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับวัตถุดิบที่ใช้และความยากง่ายในการผลิตด้วย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมากขึ้น
นอกจากนี้ควรต้องให้ความสำคัญต่อการบริหารต้นทุนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
เพื่อเปิดโอกาสในการสร้างกำไรต่อหน่วยเพิ่มขึ้น
รวมถึงควรเร่งสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้ารายเดิม
และแสวงหาคู่ค้ารายใหม่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง
พร้อมทั้งหาโอกาสเข้าร่วมงานแสดงสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศบ้างเพื่อรับรู้ถึงความต้องการแท้จริงของผู้บริโภคและพัฒนาการของคู่แข่ง
ทั้งนี้เพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาดส่งออกในวงกว้างยิ่งขึ้น อันจะนำมาซึ่งความสำเร็จในอุตสาหกรรมของชำร่วยและเครื่องประดับตกแต่งของผู้ประกอบการไทยในระยะยาว
ขณะที่ภาครัฐก็น่าจะเข้ามาเป็นกำลังสนับสนุนสำคัญด้วยการเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและการผลิตสินค้ากลุ่มนี้จากต่างประเทศมาให้ความรู้และคำแนะนำแก่ผู้ผลิตคนไทยอย่างต่อเนื่อง
เพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาไปสู่การผลิตที่ได้รูปแบบที่ตรงกับความต้องการของตลาดต่างประเทศแต่ละแห่งอย่างแท้จริงมากยิ่งขึ้น