เวียดนามเป็นคู่แข่งขันสำคัญของข้าวไทยในตลาดโลก
โดยปัจจุบันเวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวอันดับสองรองจากไทย
การแข่งขันระหว่างข้าวไทยและเวียดนามในตลาดโลกนั้นเป็นอย่างรุนแรง
โดยกลยุทธ์สำคัญของเวียดนามในการเจาะขยายตลาดข้าวคือราคาส่งออกข้าวที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับไทย
สถานการณ์การแข่งขันรุนแรงขึ้นในช่วงปี
2548-2549
โดยจะเห็นได้จากการที่ราคาส่งออกข้าวของเวียดนามต่ำกว่าไทยมากเป็นประวัติการณ์
กล่าวคือ ก่อนปี 2547ราคาข้าวส่งออกของเวียดนามต่ำกว่าไทยถึง
5-10 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันสำหรับข้าว25%
และ 20
ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันสำหรับข้าว5%
แต่ในช่วงปี 2548-2549
ราคาข้าวเวียดนามในตลาดโลกต่ำกว่าไทยถึง 20
ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันสำหรับข้าว25%
และ 30-40
ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันสำหรับข้าว5%
ดังนั้นการส่งออกข้าวของไทยโดยเฉพาะข้าวขาวในปี
2548-2549 มีแนวโน้มลดลง
สำหรับในปี 2550
สถานการณ์การส่งออกข้าวของไทยเริ่มฟื้นตัว
ทั้งนี้เนื่องจากผลผลิตข้าวเวียดนามลดลงจากการเผชิญปัญหาโรคและแมลงศัตรูพืชระบาด
ทำให้รัฐบาลเวียดนามส่งออกข้าวลดลง
และประกาศงดส่งออกข้าวในช่วงไตรมาสที่ 3
ทั้งนี้เพื่อเวียดนามจะมีปริมาณข้าวเพียงพอบริโภคในประเทศและราคาข้าวในประเทศไม่พุ่งสูงขึ้นมากนัก
ดังนั้นในปี 2550
การแข่งขันข้าวในตลาดโลกลดความรุนแรงลง
และเป็นโอกาสของผู้ส่งออกข้าวไทยในการแย่งส่วนแบ่งตลาดข้าวกลับคืนมาได้บางส่วน
โดยเฉพาะข้าวขาว โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2550
ส่วนต่างระหว่างราคาข้าว 25%
ของไทยและเวียดนามเท่ากับ 6.33
ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน และข้าว5%เท่ากับ
18.67 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตันเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม
คาดว่าในปี 2551
ข้าวเวียดนามจะกลับมาเป็นตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดอนาคตการส่งออกข้าวของไทย
ทั้งในด้านปริมาณการส่งออกและราคา
ทำให้ผู้ส่งออกข้าวของไทยยังคงต้องจับตามองเวียดนามอย่างใกล้ชิด
ทั้งในด้านปริมาณการผลิตข้าวในปี 2550/51
ที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาดในช่วงปลายปี
2550 และนโยบายการส่งออกข้าวของรัฐบาลเวียดนาม
สำหรับในระยะยาวแล้วสิ่งที่ต้องติดตามคือ
การวิจัยและพัฒนาข้าวของเวียดนาม
โดยเฉพาะการปรับปรุงพันธุ์ข้าวหอมและข้าวพันธุ์ดี
รวมทั้งการปรับปรุงระบบไซโล การคัดแยกและจัดมาตรฐานข้าว
ตลอดจนการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่งผลให้ในอนาคตเวียดนามจะก้าวขึ้นมาแข่งขันกับไทยในการส่งออกข้าวคุณภาพดี
โดยเฉพาะข้าว100% และข้าวหอม
จากที่ในปัจจุบันเวียดนามเป็นคู่แข่งของไทยในการส่งออกข้าวคุณภาพปานกลางถึงต่ำ
กล่าวคือ
การส่งออกข้าวของเวียดนามในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว5%ร้อยละ
36.2 ข้าวขาว25%ร้อยละ
36.0 และข้าวขาว15%ร้อยละ
22.5 ในขณะที่มีการส่งออกข้าวขาว100%เพียงร้อยละ
1.9 และข้าวหอมร้อยละ 0.5
เท่านั้น
ประเด็นที่น่าสนใจคือ
ในช่วงระยะ 2-3
ปีข้างหน้าทั้งไทยและเวียดนามต่างมีนโยบายที่จะเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
โดยเฉพาะการปรับปรุงพันธุ์ข้าว
การปรับปรุงการขนส่งเพื่อรักษาคุณภาพข้าวและลดต้นทุนการขนส่ง
ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวส่งออกนั้นสามารถแข่งขันได้มากขึ้น
ซึ่งภาคเอกชนของไทยนั้นต้องเร่งส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาทั้งนี้เพื่อหาตลาดข้าวเฉพาะ
จากเดิมที่ไทยมีเพียงข้าวหอมมะลิและข้าวอินทรีย์เป็นจุดขายสำคัญ
ทั้งนี้การวิจัยและพัฒนายึดแนวตอบสนองความต้องการของตลาดที่ต้องการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ
เช่น การพัฒนาพันธุ์ข้าวพื้นเมือง ข้าวเคลือบสมุนไพร
ผลิตภัณฑ์ข้าวโดยเฉพาะขนมขบเคี้ยวจากข้าว เป็นต้น