สหรัฐฯ ประกาศผลการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP)
ของประเทศคู่ค้าในรายงาน Special 301
ที่ออกเผยแพร่ในวันที่ 30 เมษายน 2550
ไทยถูกสหรัฐฯ
ลดระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาจากระดับเดิมที่อยู่ในบัญชีจับตา
(WL) ตั้งแต่ปี 2538 เป็นบัญชีจับตาเป็นพิเศษ (PWL)
ซึ่งมีประเทศทั้งหมดรวม 12 ประเทศที่อยู่ในบัญชี
PWL นี้ ได้แก่ จีน รัสเซีย อาร์เจนตินา ชิลี อิยิปต์
อินเดีย อิสราเอล เลบานอน ไทย ตุรกี ยูเครน
และเวเนซูเวลา เป็นที่น่าสังเกตว่า
ไทยเป็นประเทศเดียวในบรรดา 12 ประเทศดังกล่าว
ที่ถูกสหรัฐฯ
ลดระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาจากเดิมที่อยู่ในบัญชีจับตา
(WL)
และนับเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ถูกจัดให้อยู่ในบัญชีจับตาเป็นพิเศษ
(PWL) คาดว่า
การบังคับใช้สิทธิของไทยในการผลิตและนำเข้ายารักษาโรค
3 รายการ ได้แก่ ยารักษาโรคเอดส์ 2
รายการ และยารักษาโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน 1 รายการ
น่าจะเป็นประเด็นที่มีน้ำหนักที่สหรัฐฯ
ใช้ประกอบการพิจารณาปรับลดระดับการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทยในครั้งนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
เห็นว่า การที่ไทยถูกสหรัฐฯ
ปรับลดระดับการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP)
ในปีนี้ จากเดิมที่อยู่บัญชีจับตา (WL) มานานกว่า 10
ปี ตั้งแต่ปี 2538 เป็นบัญชีจับตาเป็นพิเศษ (PWL)
อาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทยด้านการค้าและการลงทุน
ดังนี้
ผลต่อภาพลักษณ์ด้านการลงทุนของไทย
การถูกสหรัฐฯ
ปรับลดระดับการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทย
นอกจากจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านการลงทุนของไทยในสายตาของนักลงทุนสหรัฐฯ
แล้ว
ยังส่งผลกระทบต่อการลงทุนของไทยในสายตานักลงทุนต่างชาติอื่นๆ
ด้วย โดยเฉพาะหากเทียบกับประเทศอื่นๆ
ในภูมิภาคอาเซียน
ซึ่งอยู่ในระดับบัญชีที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญารุนแรงน้อยกว่าไทย
อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติที่ผลิตสินค้าลิขสิทธิ์ต่างๆ
พิจารณาหันไปลงทุนในประเทศอื่นๆ แทน
รวมทั้งการแก้ไขกฎหมายภายในของไทยยังมีความไม่ชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ค้าปลีก
ซึ่งอาจส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุนในไทยในปีนี้
ผลต่อการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ
การที่สหรัฐฯ
ลดระดับบัญชีการคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทยเป็นระดับที่มีความรุนแรงมากขึ้นในปีนี้
อาจส่งผลต่อการพิจารณาทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร
(Generalized System of
Preferences : GSP) ของสหรัฐฯ กับสินค้าส่งออกของไทย
เนื่องจากสหรัฐฯ
กำหนดให้การคุ้มครองด้านทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่สหรัฐฯ
ใช้ประกอบการพิจารณาการให้สิทธิพิเศษ GSP
กับประเทศกำลังพัฒนาและประเทศด้อยพัฒนาต่างๆ
รวมทั้งประเทศไทย โดยสหรัฐฯ
มีกำหนดประกาศผลการทบทวนรายการสินค้าที่ให้สิทธิ GSP
กับประเทศต่างๆ ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2550 คาดว่า
อัญมณีและเครื่องประดับทำจากโลหะมีค่าเป็นสินค้าส่งออกของไทยที่มีแนวโน้มจะถูกตัดสิทธิ
GSP ในปีนี้
เนื่องจากเป็นสินค้าส่งออกของไทยที่เข้าหลักเกณฑ์การถูกตัดสิทธิ
GSP ที่สหรัฐฯ กำหนดไว้ในปี 2550
และจะส่งผลให้สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับทำจากโลหะมีค่าส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ
จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีขาเข้าในอัตรา 5.5%
(Most-Favored Nation Rate : MFN Rate)
จากเดิมที่ไม่ต้องเสียภาษีขาเข้า
ส่งผลให้สินค้าส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยเสียเปรียบด้านราคากับประเทศคู่แข่งของไทยในตลาดสหรัฐฯ
อย่างอินเดีย และจีน
ซึ่งเป็นประเทศที่มีต้นทุนค่าแรงงานและต้นทุนการผลิตต่ำกว่าไทย
และขณะนี้ครองส่วนแบ่งตลาดอัญมณีและเครื่องประดับในสหรัฐฯ
มากกว่าไทยอีกด้วย
|