ข้าวนึ่ง (parboiled rice)
เป็นข้าวส่งออกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจทั้งในการขยายตลาดส่งออกและตลาดในประเทศ
แม้ว่าในปัจจุบันข้าวนึ่งที่ผลิตได้นั้นพึ่งพิงการส่งออกทั้งหมด
และการส่งออกข้าวนึ่งของไทยนั้นมีแนวโน้มผันผวน
เนื่องจากต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงทั้งจากคู่แข่งดั้งเดิมอย่างอินเดีย
ปากีสถาน
รวมทั้งยังมีคู่แข่งรายใหม่ที่เข้ามาแข่งขันแย่งตลาดข้าวนึ่ง
คือ สหรัฐฯและสหภาพยุโรป ซึ่งมีสถานะเป็นทั้งคู่แข่งและคู่ค้า
ดังนั้นการที่จะรักษาตลาดข้าวนึ่งของไทยไว้นั้นจึงต้องเร่งพัฒนาข้าวนึ่งให้เป็นข้าวนึ่งคุณภาพสูงเพื่อเจาะขยายตลาดในต่างประเทศที่ยังคงเติบโตเนื่องจากความต้องการบริโภคข้าวนึ่งยังขยายตัว
อันเป็นผลจากกระแสอาหารเพื่อสุขภาพ
โดยค้นพบว่าข้าวนึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวขาว
โดยมีวิตามินบีและวิตามินอีสูงกว่าข้าวขาวพันธุ์เดียวกัน
นอกจากนี้การเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อการขยายตลาดในประเทศควบคู่กันไปด้วยก็เป็นสิ่งจำเป็น
ทั้งนี้เพื่อลดการพึ่งพิงตลาดต่างประเทศทั้งหมด
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด
มีความเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในต่างประเทศ
โดยผู้บริโภคในต่างประเทศเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาบริโภคข้าวนึ่งกันมากยิ่งขึ้นเนื่องจากมีการศึกษาพบว่าข้าวนึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าการบริโภคข้าวขาว
ทั้งนี้เพราะไม่ได้รับการขัดสีเอาส่วนที่มีประโยชน์ออกไปมากเหมือนกับข้าวขาว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคนี้ทำให้ตลาดข้าวนึ่งในตลาดโลกมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
โอกาสในการขยายตลาดส่งออกข้าวนึ่งของไทยนั้นยังมีความเป็นได้มาก
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันไทยยังไม่มีการรวบรวมจำนวนโรงสีที่ผลิตข้าวนึ่ง
ทำให้ยังไม่มีการเก็บข้อมูลปริมาณการผลิตข้าวนึ่งในแต่ละปี
นอกจากนี้ในการส่งออกนั้นควรมีการแยกการส่งออกข้าวนึ่งตามเกรดเช่นเดียวกับการส่งออกข้าวขาวและข้าวหอมมะลิ
ซึ่งปัจจุบันก็มีการกำหนดมาตรฐานข้าวนึ่งอยู่แล้ว
ดังนั้นการแยกพิกัดการส่งออกข้าวนึ่งก็น่าจะทำได้ไม่ยากนัก
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการแยกข้อมูลรายละเอียดข้าวนึ่งตามเกรดข้าวจะทำให้ทราบความต้องการที่ชัดเจนของแต่ละตลาด
รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมการบริโภคของแต่ละตลาด
นับว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการส่งเสริมการเจาะขยายตลาดต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้จากการศึกษาตลาดข้าวนึ่งในสหรัฐฯและสหภาพยุโรปนั้นมีการแบ่งแยกตลาดข้าวนึ่งอย่างละเอียด
ทำให้เห็นถึงสภาพการแข่งขันและสภาพความต้องการของแต่ละประเทศที่นำเข้าข้าวจากสหรัฐฯและสหภาพยุโรปอย่างชัดเจน
รวมทั้งสหรัฐฯยังมีข้อมูลเกี่ยวกับตลาดที่จะเจาะขยายตลาดข้าวนึ่งต่อไป
คือ ตลาดประเทศในแอฟริกาและตลาดประเทศในตะวันออกกลาง
ส่วนสหภาพยุโรปเน้นเจาะตลาดรัสเซีย
ประเทศต่างๆที่เคยเป็นอดีตสหภาพโซเวียต
รวมทั้งประเทศในตะวันออกกลาง
ซึ่งประเทศต่างๆที่ทั้งสหรัฐฯและสหภาพยุโรปต้องการเจาะขยายตลาดข้าวนึ่งนั้นก็เป็นประเทศเป้าหมายในการเจาะขยายตลาดของไทยเช่นกัน
ดังนั้นการส่งออกข้าวนึ่งของไทยยังต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรง
ดังนั้นการส่งเสริมในด้านการผลิตข้าวนึ่งให้ตรงตามความต้องการของตลาดและการรับรู้พฤติกรรมการบริโภคข้าวนึ่งของแต่ละตลาดจะเป็นแต้มต่อในการเจาะขยายตลาด
นอกจากนี้การส่งเสริมการบริโภคข้าวนึ่งในประเทศนับว่าจะมีส่วนช่วยส่งเสริมธุรกิจข้าวนึ่งของไทยเป็นอย่างมาก
เนื่องจากเป็นการลดการพึ่งพิงตลาดส่งออกเพียงอย่างเดียว
ปัญหาในการส่งเสริมการบริโภคข้าวนึ่งในประเทศ คือ
ข้าวนึ่งมีกลิ่นและรสไม่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคที่คุ้นเคยกับข้าวธรรมดาเช่นคนไทย
แต่สามารถแก้ไขได้โดยการส่งเสริมให้บริโภคข้าวนึ่งคุณภาพดีที่เมื่อหุงสุกแล้วข้าวมีกลิ่นน้อยกว่าข้าวนึ่งที่ผลิตโดยเทคโนโลยีดั้งเดิม
รวมทั้งการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้บริโภคโดยอิงกระแสสุขภาพ
กล่าวคือ
ข้าวนึ่งนั้นมีวิตามินบีและวิตามินอีสูงกว่าข้าวธรรมดาพันธุ์เดียวกัน
และข้าวนึ่งยังย่อยง่ายกว่าข้าวธรรมดา
อันเป็นผลมาจากแป้งในข้าวสุกไปครั้งหนึ่งแล้วในขั้นตอนการผลิต
ซึ่งผู้ที่มีแนวโน้มจะนิยมบริโภคข้าวนึ่งคือ
ผู้ที่นิยมบริโภคข้าวที่เมื่อหุงสุกแล้วเมล็ดร่วน
ย้อนกลับ::: |