ทิศทางเศรษฐกิจไทยภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โดย ดร. สุเมธ ตันติเวชกุล |
| |
ตลาดเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนไทยในอินเดีย :
มีแนวโน้มดี...แต่ต้องเร่งเปิดเกมบุก |
|
แม้ว่าปัจจุบันการส่งออกสินค้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนไทยไปตลาดอินเดียยังมีมูลค่าไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับตลาดหลัก
อาทิ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น
แต่จากการที่อินเดียมีศักยภาพสูงทั้งในด้านจำนวนประชากรที่มากถึง
1,100 ล้านคน
และด้านอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงเฉลี่ยถึงร้อยละ 8.3
ในช่วงปี 2547-2549 อีกทั้งอินเดียยังกลายเป็นประเทศที่นักลงทุนจากทั่วทุกมุมโลกต่างสนใจเข้าไปลงทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมก่อสร้างและตกแต่งที่ขยายตัวตามปริมาณความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มขึ้น
รวมถึงโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม และรีสอร์ทด้วย ทำให้ปริมาณความต้องการเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนจึงมีแนวโน้มการเติบโตที่ค่อนข้างสดใสไม่น้อย ทั้งจากความต้องการของประชากรอินเดียเอง
และนักลงทุนชาวต่างชาติที่พำนักในอินเดีย ทั้งนี้ความต้องการเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนนำเข้าของอินเดียขยายตัวสูงมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
โดยในช่วงปี 2546-2548
อินเดียมีการนำเข้าสินค้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนจากต่างประเทศเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเกินกว่าร้อยละ
50 ต่อปี จึงน่าจะเอื้อให้การขยายการส่งออกเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนของไทยในตลาดอินเดียเป็นไปในทิศทางที่ดีพอสมควร
ซึ่ง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ก็คาดว่าในปี
2550
ไทยน่าจะสามารถส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ไปยังตลาดอินเดียได้เพิ่มขึ้นด้วยอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ
20 หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 10
ล้านเหรียญสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม
ปัจจัยเสี่ยงที่ผู้ประกอบการไทยพึงระวังในการบุกตลาดอินเดียก็คือ
โครงสร้างอัตราภาษีและระบบกฎหมายของอินเดียที่ซับซ้อน และแตกต่างกันในแต่ละรัฐ
รวมถึงภาวะการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงในตลาดระดับกลางถึงล่าง
ซึ่งมีจีนและมาเลเซียเป็นคู่แข่งสำคัญ ดังนั้นในการบุกตลาดอินเดีย
ผู้ประกอบการไทยจึงจำเป็นต้องศึกษากฎหมายท้องถิ่น และความต้องการผู้บริโภคอินเดียในแต่ละพื้นที่อย่างละเอียด
รวมถึงควรมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนด้วย
เพื่อให้การดำเนินกลยุทธ์การตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะการดำเนินกลยุทธ์ในอินเดีย
ผู้ประกอบการไม่สามารถใช้กลยุทธ์เดียวในการทำตลาดทั้งประเทศได้ แต่ต้องเลือกใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่เฉพาะเจาะจงที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็ต้องมีการปรับตัวในการผลิตสินค้าอย่างต่อเนื่อง
แม้ราคาจะเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจซื้อสินค้า
แต่ชาวอินเดียก็ยังคงให้สำคัญต่อการคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไปด้วย นอกจากนี้ผู้ประกอบการไทยควรจะเลือกใช้บริการตัวแทนจำหน่ายในอินเดีย
หรือหาพันธมิตรที่ไว้ใจได้ในการขยายตลาด
เพื่อให้การติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการของอินเดียเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น และนอกเหนือจากการมุ่งเจาะตลาดอินเดียแล้ว
ผู้ส่งออกไทยน่าจะอาศัยอินเดียเป็นประตูการค้าเพื่อกระจายสินค้าและขยายการส่งออกไปยังตลาดตะวันออกกลาง
และประเทศใกล้เคียงเช่นบังคลาเทศ และปากีสถาน เป็นต้นด้วย โดยใช้สิทธิในมาตรการยกเว้นภาษีระหว่างกันสำหรับประเทศในภูมิภาคดังกล่าว
ซึ่งจะมีผลให้สินค้าเฟอร์นิเจอร์ของไทยมีราคาไม่แพงมากนัก
ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้สินค้าเฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วนไทยสามารถขยายตลาดในวงกว้างยิ่งขึ้นในยุคที่การแข่งขันมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
ย้อนกลับ::: |
|
|
|