อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยในปี
2550
ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศน่าจะอยู่ในภาวะทรงตัว
หรือขยายตัวในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2549 โดยในส่วนของตลาดในประเทศนั้น
มีความเป็นไปได้ว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องประดับแท้ภายในประเทศในปี
2550 นั้น จะยังคงขึ้นอยู่กับราคาทองเป็นหลัก
ควบคู่กับระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศ ส่วนเครื่องประดับเทียมนั้นน่าจะมีการนำเสนอสินค้าหลากหลายมากขึ้นทั้งในส่วนของรูปแบบ
วัสดุที่ใช้ในการผลิต
และราคาสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ส่วนการนำเข้าสินค้าเครื่องประดับก็คาดว่าจะมีมากขึ้นด้วย
ตามทิศทางค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และมีความเป็นไปได้ว่าสถานการณ์การแข่งขันในปี
2550 นั้นก็น่าจะทวีความเข้มข้นมากขึ้น
เพื่อแย่งชิงกำลังซื้อของผู้บริโภค
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลต่างๆอย่างวันวาเลนไทน์ที่สินค้ากลุ่มนี้ก็น่าจะเป็นที่นิยมในการซื้อเพื่อมอบให้เป็นของขวัญกันและกันไม่น้อย
ส่วนสถานการณ์การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทยในปี
2550 น่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี
2549 ด้วยระดับการเติบโตใกล้เคียงร้อยละ 10
หรือคิดเป็นมูลค่าการส่งออกไม่ต่ำกว่า
150,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากผู้ประกอบการไทยหลายรายเร่งเปิดเกมรุกบุกตลาดใหม่ๆทั้งตลาดจีนและอินเดีย
ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อในช่วงขาขึ้น รวมถึง
ตลาดเอเชียใต้ ลาตินอเมริกา และแอฟริกา
อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยอาศัยฝีมือการผลิตและการเจียระไนเพชร-พลอยที่ได้รับการยอมรับในตลาดโลกเป็นจุดแข็งในการแข่งขัน
อีกทั้งยังเร่งพัฒนามาตรฐานคุณภาพการเจียระไนอัญมณีและการผลิตเครื่องประดับอย่างต่อเนื่องด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2550 ผู้ประกอบการไทยยังคงต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งอย่างจีนและอินเดียที่เป็นทั้งคู่ค้าและคู่แข่งสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไปไม่ได้ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงในอีกหลายด้านที่มีโอกาสผันผวนพอสมควร
ทั้งค่าเงินบาท ระดับราคาน้ำมันในตลาดโลก และระดับราคาทองคำ
เป็นต้น
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าในปี
2550
ผู้ประกอบการไทยหลายรายต่างยังคงต้องเร่งปรับตัว
เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่า และสร้างฐานลูกค้าให้เกิดขึ้น โดยในส่วนของการผลิตและการออกแบบนั้นควรคำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก
และยังคงต้องเน้นความทันสมัย
หรือเป็นรูปแบบที่สามารถสวมใส่ได้ในหลายโอกาสภายใต้ระดับราคาที่เหมาะสม
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่ง่ายและเร็วขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญกับแฟชั่นอย่างใกล้ชิดมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ควรเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในกลุ่มตลาดใหม่ๆมากขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความน่าเชื่อถือให้แก่อัญมณีและเครื่องประดับของไทย
รวมทั้งการสร้างฐานข้อมูลผู้บริโภคเพื่อประโยชน์ในการวางแผนการผลิต
พัฒนาสินค้า และทำการตลาดได้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
รวมถึงการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเพิ่มช่องทางกระจายสินค้า
ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้อัญมณีและเครื่องประดับไทยสามารถขยายตลาดส่งออกในตลาดใหม่ๆได้มากยิ่งขึ้นนับจากนี้
ย้อนกลับ::: |