สิงคโปร์มีบทบาทสำคัญด้านการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย
รวมทั้งประเทศไทย
ทั้งการลงทุนโดยตรง (FDI)
และการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ในปีที่ผ่านมาบริษัทเทมาเส็ก โฮสดิ้ง
หน่วยงานด้านการลงทุนที่ทางการสิงคโปร์ถือหุ้น
ได้เข้ามาลงทุนถือหุ้นในโรงพยาบาลขนาดใหญ่และบริษัทเทเลคอมของไทย
รวมทั้งเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยด้วยมูลค่าเงินลงทุนสุทธิ
(Net Flow of Portfolio Investment) ถึง
3,446 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม
กันยายน 2549 คิดเป็นสัดส่วน
63%
ของเงินลงทุนสุทธิของต่างชาติทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ไทยในช่วงดังกล่าว
นับว่าสิงคโปร์เป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทยมากที่สุดในช่วง
3 ไตรมาสแรกของปี 2549
สิงคโปร์เป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนโดยตรง
(FDI) ในไทยเป็นอันดับ 3
รองจากญี่ปุ่น และสหรัฐฯ
และถือเป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนในไทยมากเป็นอันดับ 1
ในบรรดาประเทศอาเซียน ในปีที่ผ่านมา
สิงคโปร์ยื่นขออนุมัติโครงการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น
ทั้งจำนวนโครงการลงทุนและมูลค่าโครงการ จาก 82
โครงการ และมูลค่า 14,129
ล้านบาทในปี 2548 เป็น 86
โครงการ และมูลค่าเพิ่มขึ้น 100%
เป็น 28,921 ล้านบาท ในปี
2549
ประเภทโครงการที่สิงคโปร์ยื่นขออนุมัติลงทุนมีมูลค่าสูงสุดในปี
2549 ได้แก่ เครื่องไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์
มูลค่าโครงการ 14,549 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง
226% จากมูลค่า 4,453
ล้านบาทในปี 2548
คิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของมูลค่าโครงการลงทุนที่ยื่นขออนุมัติส่งเสริมการลงทุนทั้งหมดของสิงคโปร์ในปี
2549 โครงการลงทุนประเภทอื่นๆ ของสิงคโปร์ในไทย ได้แก่
การลงทุนในธุรกิจบริการ โครงการเหล็กและเครื่องจักรกล
และโครงการเคมีภัณฑ์และกระดาษ
สำหรับด้านการค้า
สิงคโปร์เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ
4
ของไทย รองจาก ญี่ปุ่น จีน และสหรัฐอเมริกา
และเป็นประเทศที่ไทยนำเข้ามากเป็นอันดับ 6
รองจากญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา มาเลเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ไทยเป็นฝ่ายเกินดุลการค้ากับสิงคโปร์มาโดยตลอด
มูลค่าการค้าไทย-สิงคโปร์ (ส่งออก+นำเข้า)
เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากมูลค่าราว 7,000
ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2541 เป็น
14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2549
คิดเป็นสัดส่วนราว 5.4%
ของการค้าระหว่างประเทศทั้งหมดของไทย
ในขณะที่ไทยเป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 9
ของสิงคโปร์ และหากพิจารณาเฉพาะประเทศในอาเซียน
ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 3 ของสิงคโปร์
รองจากมาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยไทยเป็นตลาดส่งออกอันดับ
8 ของสิงคโปร์
และเป็นประเทศที่สิงคโปร์นำเข้ามากเป็นอันดับที่ 10
การส่งออกของไทยไปสิงคโปร์ขยายตัวราว
5.7% ในปี 2549
จากมูลค่าส่งออก 7,691 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ในปี 2548 เป็น 8,359
ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะที่ไทยนำเข้าจากสิงคโปร์ชะลอตัวลงในปี 2549
โดยขยายตัวราว 4.9% มูลค่า
5,647 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
เทียบการนำเข้าของไทยจากสิงคโปร์ในปี 2548
ที่ขยายตัวเกือบ 30% ด้วยมูลค่านำเข้า
5,379 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
การนำเข้าของไทยจากสิงคโปร์ที่ชะลอตัวลงในปีที่ผ่านมา
เนื่องจากไทยนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากสิงคโปร์ลดลง 38%
จากปี 2548
และการนำเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์และส่วนประกอบของไทยจากสิงคโปร์ชะลอตัวลง โดยขยายตัว
48% ในปี 2549
จากที่เพิ่มขึ้นถึง 100% ในปี 2548
ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้ากับสิงคโปร์มูลค่า
2,711 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2549
เพิ่มขึ้น 17.3%
จากมูลค่าเกินดุลการค้า 2,311
ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2548
ด้านการท่องเที่ยว
สิงคโปร์เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นอันดับ
3 รองจากมาเลเซีย และจีน ตามลำดับ
และเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน รองจากมาเลเซีย
ขณะเดียวกัน ชาวสิงคโปร์เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากเป็นอันดับ
4 รองจากมาเลเซีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ตามลำดับ และเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน
รองจากมาเลเซีย ในช่วง 4 เดือนแรกของปี
2549
จำนวนนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ในไทยเพิ่มขึ้น 5.5%
จาก 223,800 คน
ในช่วงเดียวกันปี 2548 เป็น 236,030
คน จากทั้งปี 2548
นักท่องเที่ยวสิงคโปร์ทั้งหมดที่เดินทางมาไทยเกือบ 800,000
คน
ย้อนกลับ::: |