โครงสร้างประชากรของไทยเปลี่ยนแปลงไปจากอดีตเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
ประกอบกับปัจจุบันขนาดครอบครัวเล็กลงมีเพียงพ่อแม่ลูกไม่มีปู่ย่าตายายรวมอยู่ด้วย
ทำให้มีแนวโน้มที่ผู้สูงอายุจะไม่ได้รับการดูแลจากบุตรหลาน
และอาจเป็นภาระต้องพึ่งพิงสวัสดิการจากรัฐเพิ่มขึ้น
เนื่องจากระบบการออมเพื่อการชราภาพที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมถึงแรงงานในระบบการจ้างงานทั้งหมด
และแรงงานที่มีการออมเพื่อการชราภาพส่วนใหญ่ประมาณ
8.7
ล้านคน
มีเพียงหลักประกันขั้นพื้นฐานผ่านกองทุนประกันสังคม
ซึ่งกำหนดผลประโยชน์ทดแทนไว้ตายตัวประมาณร้อยละ 13
ของเงินเดือน ๆ สุดท้าย
ซึ่งไม่น่าจะเพียงพอกับมาตรฐานการครองชีพหลังเกษียณ
และแรงงานที่เหลืออีกเกือบ 2 ใน 3
ของผู้มีงานทำยังไม่มีระบบการออมเพื่อการชราภาพใด ๆ เลย
นอกจากนี้ การออมในภาคครัวเรือนยังมีแนวโน้มลดลง
ซึ่งจะทำให้เกิดช่องว่างการออมและการลงทุนเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต
และส่งผลกระทบกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
ขณะที่ภาคเศรษฐกิจไทยเองก็ยังมีความจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อีกมาก
ดังนั้น
จึงทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มระดับการออมของประเทศให้สูงขึ้น
ซึ่งถือเป็นโจทย์สำคัญของรัฐบาลใหม่ที่จะผลักดันนโยบายเพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการออมภายใต้เงื่อนไขของการใช้จ่ายแต่พอเพียง
สนับสนุนให้มีการออมในระดับครัวเรือนเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
รวมทั้ง
เร่งหามาตรการในการช่วยเหลือกลุ่มแรงงานที่ยังไม่ได้รับการคุ้มครองด้านรายได้ด้วยการขยายขอบเขตความคุ้มครองจากกองทุนที่มีอยู่เดิม
หรือผลักดันให้เกิดการออมในภาคบังคับด้วยการจัดตั้งกองทุนขึ้นมาใหม่ในรูปแบบของกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ
(กบช.)
เพื่อสร้างระบบการออมเพื่อการชราภาพให้ครอบคลุมถึงแรงงานทั้งหมด
ซึ่งนอกจากจะช่วยให้คนมีเงินออมที่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพได้หลังวัยเกษียณแล้ว
ยังเป็นการเพิ่มเงินออมระยะยาวในประเทศ
ทำให้สัดส่วนเงินออมต่อการลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น
และลดการพึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศลง นอกจากนี้
ยังเป็นการลดภาระงบประมาณของรัฐที่จะใช้ในการดูแลผู้สูงอายุที่จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต
แม้การเพิ่มการออมภาคบังคับอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นแต่
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีความเห็นว่า
การเพิ่มการออมในภาคบังคับจะมีประสิทธิผลได้ก็ต่อเมื่อคนต้องมีรายได้เพิ่มขึ้นก่อน
เพราะหากรายได้เท่าเดิมแต่จะให้ออมเพิ่มคงจะเป็นเรื่องยาก
ทั้งนี้
การจะทำให้คนมีรายได้เพิ่มขึ้นหมายความว่าเศรษฐกิจต้องขยายตัวและผลิตภาพการผลิต
(Productivity)
ของแรงงานจะต้องเพิ่มสูงขึ้น
ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลจำเป็นต้องประคับประคองให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ต่อเนื่องพร้อม
ๆ ไปกับทยอยเพิ่มการออมของระบบควบคู่กันไป
นอกจากนี้
ประเด็นสำคัญอีกประการก็คือ
การเพิ่มการออมและการพัฒนาตลาดทุนเป็นเรื่องที่ต้องทำควบคู่กันไปเพื่อให้เงินออมดังกล่าวเกิดผลตอบแทนได้สูงสุด
ทั้งนี้ ทางการควรจะเปิดกว้างในเรื่องช่องทางการลงทุน เช่น
การลงทุนในตลาดทุนต่างประเทศหากมีผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนภายในประเทศสำหรับกองทุนเงินออมเพื่อการชราภาพภาคบังคับต่าง
ๆ ทั้งที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่และที่มีอยู่เดิม
โดยอาจจะขยายเพดานการลงทุนในต่างประเทศให้สูงขึ้น
ซึ่งจะทำให้การบริหารเงินกองทุนมีความคล่องตัวมากขึ้น
ทั้งนี้
การเปิดช่องทางการลงทุนให้กว้างขึ้นดังกล่าวจะทำให้การลงทุนมีความหลากหลายและลดความเสี่ยงลงได้
ในขณะเดียวกันก็ทำให้มีทางเลือกของการลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนที่เป็นที่น่าพอใจ
ซึ่งในที่สุดแล้วจะย้อนกลับมาเป็นผลดีต่อผู้ออมที่จะมีเงินออมไว้ใช้ในยามสูงอายุ
|