Institute of Trade Strategies (สถาบันยุทธศาสตร์การค้า)

หอการค้าไทย

 

หน้าหลัก แนะนำสถาบัน

ความร่วมมือระหว่างประเทศ

การศึกษายุทธศาสตร์และผลงานวิจัย

บทความ ข้อมูลรายสินค้า
 
 

ทิศทางเศรษฐกิจไทยภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

โดย ดร. สุเมธ  ตันติเวชกุล

สรุปหลักแนวคิด

เศรษฐกิจพอเพียง

 
Trade Mission
ราชอาณาจักรบาห์เรน
สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
รัฐสุลต่านโอมาน

ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย

วัฒนธรรมชาวอาหรับ

Do's and DON'Ts in Arabian Society

The Smiling Military Intervention

 

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

 

 

.

     หอการค้าและสมาคมการค้า

หอการค้าไทย
หอการค้าจังหวัด
หอการค้าต่างประเทศในไทย
หอการค้าทั่วโลก
สมาคมการค้า

     หน่วยงานราชการ

กระทรวง
องศ์กรอิสระ

   สถาบันการเงิน

 

ธนาคาร

    สถาบันการลงทุน

สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน BOI

   สื่อสิ่งพิมพ์

หนังสือพิมพ์
นิตยสาร วารสาร

   สื่อออกอากาศ

สถานีโทรทัศน์
สถานีวิทยุ

ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพ็ค
ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตต์
ศูนย์ประชุมนานาชาติ BITEC

   เว็บไซต์อื่น ๆ

เอแบคโพลล์
สวนดุสิดโพลล์
     หอการค้าไทยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
     มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย    
     ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
     ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

     Thailand  development  Research  Institute (TDRI)

     มูลนิธิสถาบันพัฒนามันสำปะหลังแห่งประเทศไทย
     สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)
     สำนักงานสถิติแห่งชาติ
     สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (สคพ.) หรือ International Institute for Trade and Development (ITD)
     World Trade Orgainzition (WTO)
     International Trade Centre (UNCTAD/WTO)
     United Nations Conference on Trade and Development (UNCTAD)
 
 
    แนวโน้มอุตสาหกรรมปี 2551 : ปรับตัวรับมือปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลก

 

     ในปี 2550 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยเผชิญกับภาวะการชะลอตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน ซึ่งมีอัตราการเติบโตต่ำที่สุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวขึ้นหลังวิกฤตการณ์เศรษฐกิจปี 2540 แต่ถึงกระนั้น ภาคอุตสาหกรรมของไทยยังมีการเติบโตในระดับสูง โดยเป็นผลมาจากการส่งออกซึ่งขยายตัวสูงตามการเติบโตของเศรษฐกิจโลก แต่ในปี 2551 มีแนวโน้มที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะเผชิญปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน โดยเฉพาะปัญหาทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ก่อตัวขึ้นจากวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ และปัญหาราคาน้ำมันที่ยังมีโอกาสปรับตัวสูงไปอีก ภาคอุตสาหกรรมไทยมีโอกาสได้รับผลกระทบสูง เนื่องจากอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของไทยเป็นธุรกิจที่พึ่งพาการส่งออก และยังคงมีการพึ่งพาตลาดส่งออกขั้นสุดท้ายไปยังสหรัฐสูง ขณะเดียวกันไทยก็มีอัตราการพึ่งพาการใช้น้ำมันสูงเป็นอันดับต้นๆในภูมิภาค

             ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม ในปี 2551 โดยประเมินผลกระทบราคาน้ำมันแบ่งเป็น 3 กรณี คือ

             ในกรณีพื้นฐาน (Base Case) ถ้าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังยืนตัวในระดับสูง ทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เทียบกับระดับเฉลี่ย 72.5 ดอลลาร์ฯในปี 2550 คาดว่าจีดีพีของภาคอุตสาหกรรมจะมีอัตราการเติบโตร้อยละ 4.1-5.7 ชะลอตัวลงกว่าในปี 2550 ที่คาดว่ามีอัตราการขยายตัวร้อยละ 5.6

             ในกรณีมุมมองเชิงบวก (Optimistic Case) ถ้าราคาน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่รุนแรงนัก โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีค่าเฉลี่ยประมาณ 85 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล ในกรณีนี้ อัตราเงินเฟ้อน่าจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.0 ซึ่งยังเป็นระดับที่เอื้ออำนวยต่อการขยายตัวของการบริโภคและการลงทุน ตลอดจนการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ซึ่งจะสนับสนุนให้เศรษฐกิจภายในประเทศมีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้น คาดว่าจีดีพีของภาคอุตสาหกรรมไทยจะขยายตัวค่อนข้างดี คือประมาณร้อยละ 5.0-6.5

             ในกรณีเลวร้าย (Worse Case) ที่ราคาน้ำมันมีค่าเฉลี่ยที่ประมาณ 100 ดอลลาร์ฯต่อบาร์เรล การเติบโตของจีดีพีภาคอุตสาหกรรมอาจจะต่ำลงมาอยู่ในช่วงร้อยละ 3.2-4.9

            ทั้งนี้ ในปี 2551 ภาคอุตสาหกรรมไทยเผชิญปัญหาเฉพาะหน้าที่สำคัญคือปัจจัยต้นทุนด้านพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และแนวโน้มการแข็งค่าของเงินบาท อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางวิกฤติที่โลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะปัญหาด้านพลังงานและปัญหาโลกร้อน อาจสร้างโอกาสให้แก่หลายธุรกิจในการพัฒนาเทคโนโลยีและรูปแบบสินค้าที่ตอบรับกระแสประหยัดพลังงานและรักษาสภาพแวดล้อม สำหรับปัญหาในระยะปานกลางถึงระยะยาวสำหรับภาคอุตสาหกรรมของไทย ที่สำคัญที่สุดคือ ปัญหาความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้น เพื่อรับมือกับปัจจัยเสี่ยงและปัญหาด้านการแข่งขันที่นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ผู้ประกอบการไทยควรเร่งปรับตัว โดยหาแนวทางลดต้นทุนเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ปรับปรุงประสิทธิภาพในการแข่งขัน ซึ่งอาจต้องมีลงทุนนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ทดแทนแรงงาน รวมทั้งการปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ และมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีเป้าหมายเป็นตลาดที่สร้างมูลค่าสูง หรือตลาด Niche มากขึ้นเพื่อลดการแข่งขันในด้านราคา นอกจากนี้ ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัฒน์และการค้าเสรี ที่การแข่งขันขยายไปอย่างไร้พรมแดน ธุรกิจไทยอาจจำเป็นต้องหันมาพิจารณาโอกาสในการออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อประโยชน์ในการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาดที่มีศักยภาพสูง

            นอกจากนี้ ภาคอุตสาหกรรมไทยกำลังเผชิญปัญหาการปรับตัวสู่โครงสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจของประเทศจะต้องมุ่งไปที่อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีและสร้างมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลควรจะต้องมีการกำหนดยุทธศาสตร์เป้าหมายของอุตสาหกรรมไทยและยุทธศาสตร์รายสาขา ขณะที่ภาคเอกชนต้องมีการปรับกระบวนทัศน์และกลยุทธในการแข่งขันเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ขณะเดียวกัน ภาครัฐก็ต้องมีมาตรการในการรองรับและช่วยเหลือผู้ประกอบการและแรงงานในโครงสร้างอุตสาหกรรมเดิมให้สามารถปรับตัวไปสู่โครงสร้างอุตสาหกรรมใหม่ได้  


 

 

 

 

 

 

        

  ย้อนกลับ:::

 

 

 

 

 

ที่มา : กระแสทรรศน์ฉบับที่ ฉบับที่2025

           วันที่ 8 มกราคม  2551

          บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด

           

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หน้าหลัก    แนะนำสถาบัน    การศึกษายุทธศาสตร์และผลงานวิจัย    ข้อมูลรายสินค้า   แผนผังเว็บไซต์    ติดต่อสถาบัน    สำหรับเจ้าหน้าที่

 

สถาบันยุทธศาสตร์การค้า

อาคาร 20 ชั้น 5 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  ถนนวิภาวดีรังสิต  ดินแดง กรุงเทพฯ 10400

โทรศัพท์ 02-692-3162-3 โทรสาร 02-692-3161

E-mail: [email protected]  

 Last updated: 08-Feb-2008.