ต้องแสดงความดีใจกับประเทศเพื่อนบ้านของเรา คือ เวียตนาม
ที่ในที่สุด ก็เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (World Trade
Organization) หรือ WTO ลำดับที่ 150
อย่างเป็นทางการได้สำเร็จเรียบร้อยไปแล้วเมื่อวันที่ 11 มกราคม
2550 ที่ผ่านมา หลังใช้ความพยายามมานานหลายปี
การเข้าเป็นสมาชิก WTO
อย่างเป็นทางการนี้จะเป็นการเปิดประตูไปสู่ยุคใหม่ของการค้าและการลงทุนในเวียดนาม
ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งในเอเชีย ที่เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
เพราะ เวียดนาม
จะต้องลดภาษีและเปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนใน
ประเทศได้ง่ายยิ่งขึ้น ตามกฏของ WTO
รัฐบาล เวียดนามเองนั้นมีความเชื่อมั่นมาก ว่าสมาชิกภาพ WTO
จะเป็นการเปิดศักราชใหม่ด้านการค้าและการลงทุน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนจากต่างประเทศ
เนื่องจากเวียดนามได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น
ตัวนายกรัฐมนตรีเหงียน ตัน ดุง ของเวียดนาม ได้ออกมาประมาณการณ์
การเติบโตของเศรษฐกิจประเทศในปี 2550 ไว้ว่า
ด้วยอานิสงส์ของการเข้าเป็นสมาชิกดับเบิลยูทีโอ
คาดว่าอัตราเติบโตในปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 8.5%
และเชื่อมั่นว่าแม้จะเกิดความผันผวนขึ้นในเศรษฐกิจโลก
แต่เศรษฐกิจของเวียดนามก็จะยังขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 8.2%
ขณะการลงทุนของต่างชาตินั้น
คาดการณ์ว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกจากสัดส่วนประมาณ 60% ของจีดีพีในปี
2548
การเข้าเป็นสมาชิกดับเบิลยูทีโออย่างสมบูรณ์แบบ
ยังจะมีผลให้เวียดนามสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น
แม้ว่าในขณะเดียวกันจะถูกบีบให้ต้องลดกำแพงภาษีสูงลง
ตัวอย่างคาดการณ์ผลประโยชน์ที่จะได้สำหรับการส่งออกของเวียตนามมี
อาทิ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมรองเท้าชี้ว่า
การส่งออกไปยังสหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐ
มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกดับเบิลยูทีโอแล้วอย่างเป็นทางการ
ขณะที่ข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ เวียตนามสนับสนุนแนวโน้มดังกล่าว
โดยระบุว่า
บริษัทผลิตรองเท้าเวียดนามจะมีการส่งออกเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
จากปีที่แล้ว 35% รวม 1.36 พันล้านดอลลาร์ในปี 2549 โดยในช่วง 10
เดือนแรก
เป็นการส่งออกรองเท้าของผู้ผลิตท้องถิ่นในเวียดนามไปยังอียู
เป็นมูลค่า 740.72 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นประมาณ 27.43% จากปีก่อน
ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดสหรัฐเพิ่มขึ้นถึง 91.22%
สร้างรายได้ให้กับประเทศ 115.62 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าตลอดปี 2549
มูลค่าการส่งออกรองเท้าไปสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้
การเข้าเป็นสมาชิกดับเบิลยูทีโอยังจะส่งผลดีต่อการส่งออกโดยรวม
ซึ่งปัจจุบันมีอัตราขยายตัวอยู่ที่ 22% หรือประมาณ 39.6
พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตาม
เวียตนามยังคงขาดดุลการค้าอยู่ประมาณ 4.8 พันล้านดอลลาร์
โดยคาดว่าในระยะสั้นภาคอุตสาหกรรมที่จะได้อานิสงส์มากที่สุดจากการเข้าเป็นสมาชิกดับเบิลยูทีโอ
คือ สิ่งทอและเสื้อผ้า แต่สำหรับอุตสาหกรรมอื่นๆ
อาจจะต้องใช้เวลานานกว่า
เพื่อรอปรับตัวให้สอดคล้องกับกติกาการค้าโลกเสียก่อน โดยอย่างน้อยๆ
1 ปี หลังจากเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกแล้ว
รายได้จากการส่งออกโดยรวมจึงจะเพิ่มขึ้น
ย้อนกลับ:::
|