สถานการณ์ลอบวางระเบิดหลายจุดในกรุงเทพมหานคร
ตลอดจนการดำเนินการของทางการในการปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบที่มีความเกี่ยวข้องกับการลงทุน
ได้สร้างความกังวลให้กับบริษัทต่างชาติในประเทศไทยถึงผลกระทบที่จะมีต่อการดำเนินธุรกิจ
หลังจากก่อนหน้านี้
ทางการได้มีการดำเนินการในการปรับปรุงแก้ไขด้านกฎระเบียบที่มีความเกี่ยวข้องกับการลงทุน
โดยมีเป้าหมายที่มุ่งให้เกิดประโยชน์ต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและธุรกิจ
แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎระเบียบดังกล่าว
ส่งผลกระทบทำให้สภาพแวดล้อมการลงทุนในประเทศไทยมีความเอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจของนักลงทุนต่างชาติลดน้อยลงไป
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
ได้วิเคราะห์ถึงผลกระทบต่อแนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศในปี
2550
จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในกรุงเทพมหานครและประเด็นด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน
โดยสรุปดังนี้
-
สถานการณ์ลอบวางระเบิดพร้อมกันหลายจุดในกรุงเทพมหานคร
ซึ่งคาดว่าอาจมีผลกระทบในช่วงสั้นๆภายในไตรมาสแรก
ที่นักลงทุนอาจชะลอการตัดสินใจการลงทุนไว้ก่อน แต่หลังจากนั้นแล้ว
ผลกระทบจะต่อเนื่องไปอีกยาวนานเพียงใดนั้นคงขึ้นอยู่กับผลสัมฤทธิ์ของการจัดการของภาครัฐต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
ในการหยุดยั้งเหตุการณ์ความรุนแรงไม่ให้เกิดซ้ำขึ้นอีก
-
มาตรการดำรงเงินสำรองเงินนำเข้าระยะสั้น
แม้มาตรการดังกล่าวจะสามารถสกัดกั้นการเก็งกำไรค่าเงินบาทได้
มีผลให้เงินบาทอ่อนค่าลง
แต่มาตรการดังกล่าวจะมีผลต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่างชาติในประเทศไทย
โดยทำให้ต้นทุนการจัดหาแหล่งเงินกู้จากต่างประเทศสูงขึ้นจากการที่ต้องกันสำรองเงินตราต่างประเทศร้อยละ
30
ส่งผลให้ธุรกิจขาดความยืดหยุ่นในการจัดหาเงินทุน
ซึ่งจะสร้างความไม่คล่องตัวในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆที่ไม่มีมาตรการดังกล่าว
-
การปรับปรุงแก้ไขพรบ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่จะกลายสภาพเป็นบริษัทคนต่างด้าวตามนิยามใหม่ของ
คนต่างด้าว
ที่พิจารณาสิทธิในการออกเสียงประกอบด้วย
จะต้องแก้ไขโครงสร้างให้ถูกต้องตามกฎหมายใหม่ภายในระยะเวลาที่ทางการกำหนด
แต่กฎหมายนี้อาจไม่มีผลกระทบต่อบริษัทต่างชาติในภาคอุตสาหกรรมการผลิต
และธุรกิจบริการบางประเภทที่จะมีการนำออกจากบัญชี 3
แนบท้ายพรบ.
ซึ่งจะทำให้บริษัทต่างชาติในธุรกิจนั้นๆสามารถดำเนินธุรกิจได้เช่นเดียวกับนิติบุคคลไทย
-
ผลต่อแนวโน้มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
แม้ไม่มีสถานการณ์ที่เป็นปัจจัยลบดังที่กล่าวข้างต้น
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในปี
2550
ก็คงมีทิศทางปรับตัวลดลงอยู่แล้ว
เนื่องจากกระแสการเข้าซื้อและควบรวมกิจการ (Merger and
Acquisition: M&A)
คงมีน้อยลงทั้งในแง่ปริมาณและขนาดมูลค่าของธุรกรรม
การเลื่อนแผนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
และปัจจัยทางการเมืองที่ยังต้องรอคอยความชัดเจนภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกระทบเพิ่มเติมเข้ามาที่สำคัญ 3
ด้าน ดังที่กล่าวข้างต้น
จากผลของปัจจัยทั้งหลายนี้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าการลงทุนโดยตรงสุทธิจากต่างประเทศในปี
2550
อาจปรับตัวลดลงจากปี
2549
ในกรณีพื้นฐาน
ถ้ารัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ลอบวางระเบิดได้โดยเร็ว
และผลกระทบต่อความกังวลของนักลงทุนจำกัดอยู่เฉพาะช่วงสั้นๆภายในไตรมาสแรก
การลงทุนโดยตรงสุทธิจากต่างประเทศอาจมีมูลค่าประมาณ
5,860
ล้านดอลลาร์ฯ ลดลงร้อยละ
38
จากปี
2549
(ที่คาดว่ามีมูลค่าประมาณ 9,446
ล้านดอลลาร์ฯ)
ต่ำกว่าประมาณการในช่วงก่อนหน้าที่คาดว่าจะมีมูลค่า 7,090
ล้านดอลลาร์ฯ
ในกรณีหากไม่มีผลกระทบจากเหตุการณ์วินาศกรรมในกรุงเทพฯและการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน
ในกรณีเลวร้าย
ซึ่งคาดว่าโอกาสที่เกิดขึ้นค่อนข้างน้อย
เป็นกรณีที่ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนในระยะยาวอาจได้รับผลกระทบหากเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นซ้ำและต่อเนื่องยาวนานออกไป
ประกอบกับ
ย้อนกลับ::: |