ประเทศเม็กซิโกจะมีความสามารถผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์หลายอย่างได้เอง แต่โอกาสทางการลงทุนคือ เม็กซิโกยังมีความต้องการในอุปกรณ์อื่นๆ หรือ การบริการบางส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้ เครื่องจักรอุปกรณ์
การบริการ เม็กซิโกได้นำเข้ามาจากยุโรปและอเมริกา ซึ่งมีราคาที่ค่อนข้างสูง ส่วนในภาคการบริการ การท่องเที่ยวเม็กซิโก เป็นภาคที่น่าสนใจมากเช่นกัน เนื่องจากเป็นภาคที่สร้างรายได้จากเงินต่างประเทศเป็นอันดับสามของประเทศ จำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 20 ล้านคนต่อปี ซึ่งขณะนี้กลุ่มโรงแรมบันยันทรี ได้เข้าไปเปิดโรงแรมในตลาดเม็กซิโกสองแห่ง คือ เมือง Riviera Maya และ Acapulco อีกทั้งภูมิประเทศของเม็กซิโกอยู่ติดกับสหรัฐอเมริกาและประเทศในลาตินอเมริกา ดังนั้นโอกาสไม่เพียงแต่เจาะตลาดเม็กซิโก 110 ล้านคน แต่ยังสามารถขยายโอกาสไปถึงตลาดผู้บริโภคในสหรัฐฯ 300 ล้านคน และตลาดผู้บริโภคในกลุ่มลาตินอเมริกาทั้งหมด 570 ล้านคน
ข้อควรรู้ก่อนดำเนินธุรกิจในประเทศเม็กซิโก
1.ภาษา คนเม็กซิโกใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร และถึงแม้ว่าคนเม็กซิโกบางคนสามารถเข้าใจภาษาอังกฤษ แต่ด้วยวัฒนธรรมของชาวเม็กซิโกที่เน้นความสัมพันธ์ทางบุคคล ดังนั้น เมื่อไรก็ตามที่นักลงทุนต่างชาติสามารถพูดภาษาสเปนกับนักธุรกิจที่เม็กซิโกได้ คนเม็กซิโกจะมีความรู้สึกสนิทสนม และ ไว้ใจในการติดต่อการค้าด้วยมากกว่าการพูดภาษาอังกฤษ และการใช้ภาษาสเปนยังสามารถสร้างความสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น
2.กฎระเบียบ ถึงแม้ว่าเม็กซิโกจะมีนโยบายกระตุ้นการค้าระหว่างประเทศ และมี incentive ต่างๆให้กับ นักลงทุนต่างชาติ แต่ความสลับซับซ้อน และความหลายหลายในตัวกฎระเบียบยังยุ่งยากอยู่ เนื่องจากกฎหมายเม็กซิโกมีกฏหมายระดับประเทศและระดับรัฐฯ ดังนั้น การร่วมลงทุนกับนักลงทุนกับนักธุรกิจเม็กซิโก หรือการจ้างบริษัทตัวกลางจึงค่อนข้างจำเป็นในการเข้าไปตลาดเม็กซิโก
3.ระยะทาง ใช้เวลาเดินทางโดยเครื่องบินจากประเทศไทยรวมรอเวลาเปลี่ยนเครื่องประมาณ 30 ชั่วโมง และมีค่าใช้จ่ายที่สูง
4.วัฒนธรรมทางธุรกิจ วัฒนธรรมไทยกับเม็กซิโกมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการทักทาย มุมมองความคิด การดำเนินธุรกิจ การสื่อสาร ซึ่งทำให้หลายๆคนที่ไปทำธุรกิจในเม็กซิโก ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นนัก ทำอย่างไรเมื่อต้องทำการค้ากับคนเม็กซิโก
การทักทาย
ชาย จับมือเช็กแฮนด์แบบสากลทั่วไป ถ้ารู้สึกสนิทจะกอดแบบหลวมๆ ผู้ชายจะไม่หอมแก้มผู้ชาย
หญิง เริ่มแรกจับมือ และหอมที่แก้ม การหอมแก้มของคนเม็กซิโกไม่ได้มีความหมายนอกเหนือไปกว่าการทักทาย มีความหมายแค่การยินดีที่ได้รู้จัก คนเม็กซิโกแตกต่างจากคนไทยคือ เม็กซิโกชอบที่จะแสดงความรัก ความใกล้ชิด การสนทนาการทักทายของคนเม็กซิโกจะใกล้ชิด จะจับไหล่ จับมือ จับแขน กอดหลวมๆ หรือ ว่าหอมแก้ม แต่ในขณะเดียวกันคนไทยจะมีระยะห่างในการสนทนา โดยเฉพาะผู้หญิงกับผู้ชายที่ต้องมีระยะห่างในการสนทนา ไม่มีการจับมือ หรือ กอด หอมแก้ม เพราะคนไทยถือว่าไม่สุภาพ
สิ่งที่ควรพูดถึง - ไม่ควรพูดถึง
นักธุรกิจไทย ไม่ควรจะสนทนากับคนเม็กซิโก ในเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนา การเมือง ประวัติศาสตร์สงครามเม็กซิโก- สหรัฐอเมริกา ปัญหาการลักลอบหนีเข้าประเทศหรือสถานะของคนต่างด้าว สิ่งที่ควรสนทนา คือวัฒนธรรมการกิน อาหาร กีฬา ประเพณี สถานที่ท่องเที่ยว อาหารและผลไม้ไทยกับเม็กซิกัน เนื่องจากว่าอาหารเม็กซิโกและไทยมีความใกล้เคียงในรสชาติ ดังนั้นจึงเป็นบทสนทนาที่น่าสนใจและน่าแลกเปลี่ยนกัน
การนัดหมาย
การบริหารเวลาของคนไทยกับคนเม็กซิโก มีความคล้ายคลึงกัน การนัดหมายส่วนใหญ่จะต้องแจ้งยืนยันก่อนพบหนึ่งวัน และอาจจะมาไม่ตรงเวลานัดประมาณ 15-20 นาที เวลาทำงานของคนเม็กซิโก ปกติจะเริ่ม 9.00 น. และพักกลางวัน 14.00 น. เริ่มทำงานช่วงบ่ายที่ 16.00 น. จนถึง 18.00 น. แต่ในเมืองหลวงหรือเมืองธุรกิจ คนจะเริ่มทำงาน 7.00 น. หรือ 8.00 น.
การเจรจาธุรกิจ
การทำธุรกิจกับคนเม็กซิโกควรเริ่มต้นด้วย การแนะนำจากคนรู้จัก หรือ มีบุคคลอ้างอิง การใช้อีเมลแนะนำตัวถือว่าเป็นเครื่องมือทางการตลาดที่ใช้ไม่ได้ผลกับคนเม็กซิโก แต่เมื่อไหร่ที่มีบุคคลอ้างอิงมาแนะนำ การเจรจาธุรกิจจะเป็นไปอย่างง่ายขึ้น คนเม็กซิโกเหมือนคนไทย การเจรจาใช้ระยะเวลานาน เน้นเอกสารประกอบการเจรจา เนื่องจากว่าคนเม็กซิโกคำนึงถึงระดับความไว้ใจ (Trust) และ ความเป็นเพื่อน (Friendship) ในการเจรจาธุรกิจ สิ่งที่แนะนำได้คือ อดทนและใช้เวลาในการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับ คู่ค้า เพื่อสร้างความไว้ใจให้มากที่สุด#
____________________________________________________
ศูนย์ศึกษาการค้าอาเซียนและลาตินอเมริกา (The SEA-LAC Trade Center)
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554 |