ค้นหา
ห้องข่าว

รัฐถังแตก!ไม่คืน"มุมน้ำเงิน" คลังชงครม.ลดVATนำเข้าอัญมณี SMEอ่วมส่งออกทรุดสูญ2แสนล้าน

 คลังรับสภาพถังแตก!  เสียงแข็งไม่คืนภาษีมุมน้ำเงินอุ้มส่งออก  "พาณิชย์"  ชักท้อ  จะเร่งผลักดันเฉพาะกิจกรรมที่ไปได้  ชง  ครม.  28  ก.ค.นี้  ลด  VAT  นำเข้าอัญมณี  หันไปเก็บภาษีหัก  ณ  ที่จ่าย  1%  แทน  ส.อ.ท.นัดประเมินสถานการณ์จ้างงาน  27 ก.ค.นี้  ก่อนชงรัฐแก้  คาดส่งออก  SME  ทรุดหนัก  ปีนี้สูญ  2  แสนล้านบาท

     แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า  เมื่อเร็วๆ  นี้  กระทรวงการคลังได้ให้คำตอบว่า  คงไม่สามารถอนุมัติการคืนภาษีมุมน้ำเงินให้กับผู้ส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน  กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์  ในอัตรา  3-5%  และอุตสาหกรรมอื่นๆ  อัตรา  2%  ตามที่กระทรวงพาณิชย์ร้องขอเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ส่งออก

     เนื่องจากปีนี้รัฐบาลมีรายได้จากการเก็บภาษีต่ำมาก  หากคืนภาษีมุมน้ำเงินให้ผู้ส่งออกอีก  จะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีอีกกว่าแสนล้านบาท  ส่งผลกระทบต่องบประมาณประเทศ  และเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ  ประกอบกับรัฐบาลยังไม่มีมาตรการชัดเจนที่จะช่วยเหลือภาคการส่งออกทำให้คาดว่าการส่งออกปีนี้จะติดลบใกล้เคียง  30%  จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบไม่เกิน  19%

     นายศิริพล  ยอดเมืองเจริญ  ปลัดกระทรวงพาณิชย์  กล่าวว่า  หากรัฐบาลไม่อนุมัติคืนภาษีมุมน้ำเงิน  กระทรวงฯ  จะพยายามผลักดันการส่งออกเท่าที่จะทำได้  โดยจะเร่งให้มีกิจกรรมส่งออกให้มากขึ้น  แต่จะเน้นที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด  เช่น  ในการจับคู่ทางธุรกิจ  จะเน้นเฉพาะผู้นำเข้ารายใหญ่  และมีอำนาจตัดสินใจซื้อได้ทันที  ส่วนผู้ประกอบการไทยจะเน้นผู้ผลิตรายใหญ่ที่ผลิตสินค้าจำนวนมาก  เพราะจะได้เกิดการซื้อขายได้ทันที

     แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง  กล่าวว่า  วันที่  28  ก.ค.นี้  กระทรวงการคลังจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี  (ครม.)  พิจารณาออกพระราชกฤษฎีกายกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม  (VAT)  7%  จากการนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตอัญมณี  และพิจารณาอนุมัติให้มีการจัดเก็บภาษีหัก  ณ  ที่จ่าย  1%  จากผู้รับเงินแทน  คาดว่ารัฐจะมีรายได้ประมาณ  500  ล้านบาทต่อปี

     นายสมมาต  ขุนเศษฐ  รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  (ส.อ.ท.)  กล่าวว่า  วันที่  27  ก.ค.นี้  จะประชุมสภาอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศเพื่อประเมินสภาวะการจ้างงานและสินเชื่อของภาคอุตสาหกรรมก่อนเสนอแนวทางแก้ปัญหาต่อภาครัฐ

     นายธนิต  โสรัตน์  รองประธาน  ส.อ.ท.กล่าวว่า  ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั้งระบบต้องการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องมากถึง  5-6  แสนล้านบาท  แต่ที่ผ่านมามีการปล่อยสินเชื่อแก่เอสเอ็มอีเพียง  1  แสนล้านบาทเท่านั้น  ขณะเดียวกันการพิจารณาสินเชื่อให้เอสเอ็มอีผ่านธนาคารโดยตรง   ลดลง  5-10%  ทำให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม  (บสย.)  ก็ขับเคลื่อนไม่ได้

     นายณัฐพล  นิมมานพัชรินทร์  ผู้อำนวยการโครงการศึกษาวิเคราะห์เตือนภัยเอสเอ็มอีรายสาขา  กล่าวว่า  สถานการณ์การส่งออกของเอสเอ็มอีในช่วงครึ่งปีแรก  ติดลบ  13%  โดยในไตรมาสแรกเติบโต  2%  แต่ไตรมาส  2  ติดลบ  27%  ทำให้คาดว่ามูลค่าการส่งออกครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ระดับ  8  แสนล้านบาท  ก็จะมีมูลค่าหายไปประมาณ  5  หมื่น-1  แสนล้านบาท   โดยประเมินว่าครึ่งปีหลังการส่งออกน่าจะติดลบ   15%  และทั้งปีจะติดลบ  10%  มูลค่า  1.5  ล้านล้านบาท  ลดจากปีก่อนที่ส่งออก  1.7  ล้านล้านบาท

     ธนาคารแห่งประเทศไทย  (ธปท.)  ระบุในรายงานโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจระหว่าง  ธปท.และนักธุรกิจทั่วประเทศจำนวน  242  รายงานว่า  ภาคธุรกิจส่วนใหญ่เห็นว่าครึ่งหลังปีนี้  การอุปโภคบริโภคและการส่งออกจะดีขึ้น  ยกเว้นการลงทุนภาคเอกชนที่ยังหดตัวจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ยังอยู่ระดับต่ำและกังวลต่อปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง

                                                         ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 27 กรกฎาคม 2552

 

 



ศูนย์ศึกษาธุรกิจครอบครัวและ SMEs ( Family Business & SMEs Study Center ) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ตึก 7 ชั้น 12
เบอร์โทรศัพท์ 0-2-697-6351-2 โทรสาร 0-2697-6350