บี้แบงก์รัฐอัดสินเชื่อ3แสนล. ครม.ต่อซอฟต์โลน อุ้มท่องเที่ยวอีก1ปี
กอร์ปศักดิ์ขันนอตแบงก์รัฐ สั่งใส่เงินปล่อยกู้อีก 3.5 แสนล้าน หวังยอดรวมทะลุ 1.25 ล้านล้านอุ้มเศรษฐกิจ ส่วน ครม.ถึงแบงก์ออมสินร่วมปล่อยกู้ธุรกิจท่องเที่ยว หลังเอสเอ็มอีแบงก์เพิ่งปล่อยกู้ 300 ล.พร้อมขยายมาตรการอีก 1 ปี ธปท.เพิ่งตื่น แจงรายละเอียดค้ำประกันสินเชื่อ บสย.
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการเป็นประธานประชุมร่วมกับผู้บริหารสถาบันการเงินของรัฐว่า ได้ตั้งเป้าการปล่อยสินเชื่อปี 2552 เพิ่มขึ้นเป็น 1.25 ล้านล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มมีการฟื้นตัว โครงการไทยเข้มแข็ง 1.43 ล้านล้านบาท จะเริ่มก่อสร้างในเดือน ต.ค. เป็นจังหวะดีที่จะให้มีการเร่งปล่อยสินเชื่อ และเป็นการดำเนินการที่ไม่ช้า เพราะหากเร่งปล่อยในช่วงเศรษฐกิจไม่ก่อนหน้านี้จะทำให้เกิดหนี้เสีย
"เป้าหมายเดิมการปล่อยสินเชื่อของ 6 ธนาคารรัฐ ประกอบด้วย ธ.ก.ส., ออมสิน, ธอส., เอ็กซิมแบงก์, เอสเอ็มอีแบงก์ รวมทั้งธนาคารอิสลาม มีจำนวน 6.25 แสนล้านบาท ได้ปรับเป็น 9 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3 แสนล้านบาท โดยที่ 6 เดือนที่ผ่านมาปล่อยสินเชื่อไปได้แล้ว 4.23 แสนล้านบาท" รองนายกฯ กล่าว
ขณะที่ธนาคารกรุงไทย ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อปี 2552 ไว้ 3 แสนล้านบาท ให้เพิ่มเป็น 3.5 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอีก 5 หมื่นล้านบาท รวมเป็นการปล่อยสินเชื่อทั้งหมด 1.25 ล้านล้านบาท ซึ่งอยู่ในวิสัยที่ทำได้ เพราะแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อช่วงครึ่งปีหลังจะสูง เพราะเศรษฐกิจฟื้นตัว ทั้งนี้ได้มีการตั้งให้นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เป็นประธานติดตามการปล่อยสินเชื่อของธนาคารรัฐทุกเดือน เพื่อประเมินติดตามแก้ปัญหาติดตามให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ
"รัฐบาลต้องการให้ปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจที่ต้องการซื้อวัตถุดิบ หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักร ซึ่งแบงก์รัฐสามารถที่จะขอแยกบัญชีเป็น PSA ได้ เนื่องจากรัฐบาลต้องการเร่งการนำเข้าที่ต่ำผิดปกติ ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้แบงก์ชาติต้องทำงานหนักในการดูแลค่าเงินบาท และมีต้นทุนสูงมาก คลังจำเป็นต้องใช้มาตรการการคลังเข้าไปช่วย หากปล่อยเอาไว้จะเอาไม่อยู่" นายกอร์ปศักดิ์กล่าว
ด้านนายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาการกู้เงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยว วงเงินกู้ 5,000 ล้านบาท เดิมที่ ครม.ได้เคยอนุมัติไปแล้ว ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยขยายจากเดิมที่จะสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 ก.ค. 2552 เป็นวันที่ 30 ก.ย. 2553 เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้รับอนุมัติเงินกู้ดังกล่าวเพียง 300 ล้านบาทเท่านั้น ขณะเดียวกัน ครม.ยังได้เห็นชอบให้ธนาคารออมสินเข้ามาร่วมปล่อยกู้ในโครงการดังกล่าวร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือเอสเอ็มอีแบงก์ รวมถึงยังได้อนุมัติให้ผ่อนปรนเงื่อนไขการขอกู้เงินให้มากขึ้นด้วยเพื่อลดอุปสรรค
ขณะที่นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 ก.ค. ธปท.จะเชิญสมาชิกผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อย (เอสเอ็มอี) ประมาณ 7-8 แห่ง เช่น กลุ่มอัญมณี ท่องเที่ยว เฟอร์นิเจอร์ โรงแรม มาหารือเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับโครงการค้ำประกันสินเชื่อวงเงิน 30,000 ล้านบาทของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) นอกจากนั้น ธปท.จะเดินสายทั่วประเทศเพื่อชักจูงและชี้แจงสิทธิประโยชน์ที่เอสเอ็มอีจะได้รับหลังจากเข้าร่วมโครงการนี้ เนื่องจากตั้งแต่เริ่มโครงการเดือน มี.ค.-ก.ค. (4 เดือน) มีธนาคารพาณิชย์ประมาณ 10 แห่ง ส่งลูกค้าเอสเอ็มอีมาค้ำประกันสินเชื่อมูลค่าเพียง 1,017 ล้านบาทเท่านั้น แต่ถือว่าไม่ได้ช้า เพราะเป็นไปตามแผนที่วางไว้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 22 กรกฎาคม 2552
|