ก.อุต จับมือ “เอสเอ็มอีแบงก์” เร่งเสริมสภาพคล่อง ผปก.เอสเอ็มอี

ก.อุตฯ ประสาน “เอสเอ็มอีแบงก์” เร่งอัดฉีดสินเชื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้ลูกค้าเอสเอ็มอี ระบุใน Q3 จะมีเงินเข้าสู่ระบบกว่า 6 พันล้านบาท โดยปรับเกณฑ์ปล่อยกู้สำหรับวงเงิน 5 หมื่น-5แสนบาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ อีกทั้ง ขยายวงเงินปล่อยกู้เพิ่ม เป็นสูงสุดไม่เกิน 500 ล้านบาท
       
       นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องในขณะนี้ โดยจะเร่งโครงการส่งเสริมให้เอสเอ็มอีแบงก์ปล่อยสินเชื่อ เพื่ออัดฉีดสภาพคล่อง
       
       ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมตั้งเป้าหมายว่าไตรมาส 3 จะเร่งอัดฉีดเม็ดเงินให้ได้วงเงินไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาท โดยเอสเอ็มอีแบงก์จะมีการปรับหลักเกณฑ์ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย เช่น ผู้ประกอบการสามารถกู้ยืมเงินในวงเงินตั้งแต่ 50,000 - 500,000 บาท โดยไม่จำเป็นต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เพียงแต่ใช้บุคคลค้ำประกันเท่านั้นก็สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ โดยในช่วงนี้เอสเอ็มอีแบงก์จะเน้นเป็นพิเศษสำหรับผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เพื่อช่วยประคับประคองในช่วงสถานการณ์ท่องเที่ยวชะลอตัวลง
       
       อีกทั้ง ขยายวงเงินปล่อยกู้จากเดิมสูงสุด ไม่เกิน 200 ล้านบาทต่อราย เพิ่มเป็นไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อราย อีกทั้ง ได้เสนอคณะรัฐมนตรีในการพิจารณาพักหนี้ และยืดอายุการชำระหนี้เงินต้น ให้จ่ายเพียงดอกเบี้ย สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอี เป็นเวลา 3 ปีอีกด้วย
       
       นอกจากนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมกับเอสเอ็มอีแบงก์จะร่วมกันจัดงานความร่วมมือในการแสดงสินค้าของผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเพื่อเปิดช่องทางการตลาด โดยจะสัญจรไปตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อให้สินค้าของผู้ประกอบการเป็นที่รู้จักและยอมรับมากขึ้น โดยหลังจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเอสเอ็มอี ได้ลงนามความร่วมมือให้การสนับสนุนทางด้านการเงินกับกระทรวงการคลังและธนาคารของรัฐที่จะสนับสนุนเม็ดเงินสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ ในอนาคตจะมีวงเงินอีก50,000 ล้านบาทที่รัฐบาลพร้อมจะสนับสนุนสภาพคล่องให้แก่เอสเอ็มอีด้วย

                                                              ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 13 กรกฎาคม 2552