SME โคม่า!ยื้อ8เดือน"ปิดตาย" สับรัฐโยน"บสย."ค้ำสินเชื่อหลงทิศ
เอสเอ็มอีใกล้สูญพันธุ์ 70% คาดมีลมหายใจได้แค่ 8 เดือนเท่านั้นหากเศรษฐกิจยังทรุด เผยส่วนใหญ่ขาดสภาพคล่อง แบงก์ปฏิเสธปล่อยกู้ หยันมาตรการรัฐให้ บสย.ค้ำสินเชื่อหลงทิศ "ธนวรรธน์" หวั่น 2.5 ล้านรายเจ๊ง ฉุดเศรษฐกิจดิ่งหนัก "โฆสิต" เตือนสร้างหนี้เกินตัว ย้ำจีดีพีโต 3%
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีจำนวน 800 ราย ช่วงวันที่ 28 พ.ค.-2 มิ.ย.2552 ถึงสภาพธุรกิจ พบว่าเอสเอ็มอี 69.4% เห็นว่าจะประคองธุรกิจไปได้นานที่สุดเพียง 8 เดือนนับจากนี้ก่อนจะปิดกิจการ หากสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศยังไม่ดีขึ้น
เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวกระทบต่อยอดขายสินค้าอย่างมาก แม้เอสเอ็มอี 19% จะมองว่ายอดขายช่วงไตรมาส 2 จะเร่งตัวขึ้นเทียบไตรมาสแรกตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น แต่ 40.8% ยังมองว่ายอดขายจะยังลดลง
โดยเอสเอ็มอี 81.1% ระบุว่าประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง โดยในจำนวนนี้มี 54.6% ที่มีความต้องการสินเชื่อเพื่อใช้เพิ่มสภาพคล่อง แต่ติดปัญหาการเข้าถึงแหล่งสินเชื่อ 65% และธนาคารพาณิชย์ไม่ปล่อยสินเชื่อ 77.4%
ขณะที่เอสเอ็มอีพึงพอใจต่อการแก้ไขปัญหาเอสเอ็มอีจากภาครัฐ โดยเฉพาะการค้ำประกันสินเชื่อจากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพียง 4.99 คะแนน จากเต็ม 10 คะแนน โดย 51.7% เห็นว่ารัฐบาลไม่ประสบความสำเร็จต่อการผลักดันให้สถาบันการเงิน โดยเฉพาะธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ปล่อยสินเชื่อแก่เอสเอ็มอี
วันเดียวกัน สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ จัดงานสัมมนา "ทางออกเอสเอ็มอีไทย ก่อนล่มสลาย" โดยนายปิยะ ซอโสตถิกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจเอสเอ็มอีปีนี้จะเหนื่อยมาก เพราะยอดขายสินค้าจะลดลง ซึ่งต้องใช้เวลา 2-3 ปีก่อนจะปรับเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจ แต่ไม่ถึงกับกิจการล่มสลาย เนื่องจากธนาคารพาณิชย์จะต้องเข้ามาช่วยเหลือด้านสภาพคล่อง
"จากการจัดกลุ่มเสี่ยงหนี้เสีย จะพบว่าภาคอุตสาหกรรมซึ่งแบงก์กรุงเทพมีลูกค้ากลุ่มนี้มาก ยังมีกลุ่มท่องเที่ยว ชิ้นส่วนรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์เสี่ยงสูงมากต้องระวัง ที่เสี่ยงระดับกลางคือ ค้าปลีก เกษตร แปรรูปอาหาร บริการ ซึ่งแบงก์พยายามเข้าไปช่วยเหลือให้เขาจ่ายชำระหนี้น้อยลง เพื่อทำให้สถาพคล่องดีขึ้น" นายปิยะระบุ
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า ปัญหาของไทยขณะนี้คือไม่รู้ปัญหาที่ชัดเจนของธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงอย่างมากเพราะเอสเอ็มอีมีมากถึง 2.5 ล้านราย มีเม็ดเงินหมุนเวียนกว่า 3 ล้านล้านบาท มีการจ้างงานกว่า 3 ล้านคน หากประสบปัญหาจะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวในหัวข้อ "บทบาทสถาบันการเงินกับวิกฤติเอสเอ็มอี" ว่า ปัญหาของเอสเอ็มอีเกิดกับกลุ่มที่มีสต็อกสินค้ามาก และกลุ่มที่สภาพคล่องไม่เพียงพอ ซึ่งสถาบันการเงินต้องเร่งเข้าไปช่วยเหลือ แต่ต้องระมัดระวังในเรื่องของหนี้สินให้อยู่ในระดับเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหนี้สินเกินตัวในอนาคต
นายโฆสิตเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะหดตัว 3% ขณะที่สินเชื่อรวมของธนาคารจะขยายตัวที่ 3-5%
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 4 มิถุนายน 2552
|