ค้นหา
ห้องข่าว

ผวาเอสเอ็มอีโละคน2.5แสนราย

นายภักดิ์ ทองส้ม รักษาการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยผลสำรวจผู้  ประกอบการธุรกิจเอสเอ็มอี (เอสเอ็มอี) ทั่วประเทศว่า ปี 52 ธุรกิจเอสเอ็มอีมีการจ้างงาน 8.91 ล้านคน ลดลงจากปีก่อน 2.5 แสนรายหรือ 2.7% เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความวุ่นวายทางการเมือง และนโยบายการลดแลก แจกแถมของห้างสรรพสินค้าเพื่อแย่งลูกค้าส่งผลให้ธุรกิจหลายรายต้องปิดกิจการเนื่องจากผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าราคาถูก ดังนั้น สสว.จำเป็นต้องเร่งเข้าไปดูแลและให้คำปรึกษาเอสเอ็มอีอย่างใกล้ชิดเพื่อประคองให้ธุรกิจอยู่รอด
 
ทั้งนี้กลุ่มอุตสาหกรรมที่เลิกจ้างงานมากและต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม หนังและผลิตภัณฑ์หนัง ผลิตภัณฑ์พลาสติก แก้วและเซรามิก เฟอร์นิเจอร์ ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ ผลิตภัณฑ์ยาง เหล็ก โลหะ ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และบริการเสริมสุขภาพ สปา ส่วนสาขาที่โดดเด่นและมีแนวโน้มการจ้างงานเพิ่ม เช่น สิ่งพิมพ์ เนื้อสัตว์ นมและผลิตภัณฑ์นม เครื่องดื่ม ยา สมุนไพรและเวชภัณฑ์ ขนมอบกรอบ พลังงาน เคมีภัณฑ์ น้ำตาลและผลิตภัณฑ์จากน้ำตาล อาหารกึ่งสำเร็จรูปประเภทเส้น
 
สำหรับข้อมูลเพิ่งสำรวจล่าสุด คาดว่ามีผู้ประกอบการ 2.4 ล้านราย ปรับลดลง 0.06%  การส่งออกของเอสเอ็มอีอยู่ที่ 1.58 ล้านล้านบาท ลดลง 6.41% รายได้สุทธิ 5.78 ล้านล้านบาท ลดลง 2.33% กำไรสุทธิ 2.29 แสนล้านบาท ลดลง 8.51% อัตราผลตอบแทนจากการดำเนินงาน 3.98% ความสามารถชำระหนี้ลดลงจาก 2.74% เหลือเพียง 2.59%
 
“ผลสำรวจวันที่ 24 เม.ย. 52 ยอมรับว่าไทยมีปัญหารุมล้อมหลายปัจจัยทำให้รายได้ กำไรลดลง รวมถึงความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าต่ำที่สุดในรอบ 5 ปีแต่ปริมาณการว่างงานที่ลดลงไม่ถือว่าน่าเป็นห่วงมากนักจากการเปรียบเทียบกับช่วงการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ”
 
นอกจากนี้ สสว.ยังได้ร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาประจำภูมิภาคทำการสำรวจผู้ประกอบการพบว่า ธุรกิจเอสเอ็มอียังน่าเป็นห่วง แม้ภาครัฐจะเริ่มเข้ามาช่วยเหลือบ้างแล้ว แต่ปัญหาจำเป็นต้องแก้ไขอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 2 ปี เพราะ ผลจากความอ่อนแอทั้งการตลาด การดำเนินงาน การผลิต เทคโนโลยี ทรัพยากรมนุษย์ และการเงิน เป็นปัญหาที่มีอยู่เดิมมาตั้งนานแล้ว
 
ทั้งนี้ปัจจัยที่เอสเอ็มอีกังวลมากที่สุด 98.66%  คือเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะเรื่องการ ลงทุน ความเชื่อมั่น และความสามารถในการส่งออก รองลงมากังวลต่อการเมือง 97.21% เนื่องจากได้สร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่น การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ ส่วน 96.23% กังวลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่ส่งผลให้คนไทยหันมาเก็บออมแทนการบริโภค ส่วนปัจจัยเศรษฐกิจโลกอยู่ที่ 91.23% การแข่งขันภายในประเทศ 89.75%
 
นายภักดิ์ กล่าวว่า ภาวะวิกฤติในปัจจุบันเอสเอ็มอีไทยยังพอมีโอกาสขยายตัวได้  เพราะมีศักยภาพในการขยายตลาดใหม่ โดยเฉพาะอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการของผู้บริโภคและความพร้อมของทรัพยากรสูง ดังนั้นเพื่อเป็นการขยายโอกาสของเอสเอ็มอีเข้าสู่ตลาดอาเซียน สสว.จึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการส่งเสริมเอสเอ็มอีปี 52 โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการในการศึกษาความเป็นไปได้ของต้นแบบทางธุรกิจ สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน.

                                                                ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 29 เมษายน 2552

 

 



ศูนย์ศึกษาธุรกิจครอบครัวและ SMEs ( Family Business & SMEs Study Center ) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ตึก 7 ชั้น 12
เบอร์โทรศัพท์ 0-2-697-6351-2 โทรสาร 0-2697-6350