ค้นหา
ห้องข่าว

ส.อ.ท.ชี้อาหารไทยได้เฮ ญี่ปุ่นย้ายฐานผลิตหนีจีน

ส.อ.ท. คาดอุตสาหกรรมอาหารไทยยังไปรุ่ง ส่งออกได้กว่า 670,000 ลบ. ชี้วิกฤตอาหารในจีน หนุนไทยได้ประโยชน์เต็มๆ ผู้ผลิตรายใหญ่ และเอสเอ็มอีญี่ปุ่น เตรียมย้ายฐานมาลงทุนในไทยแทน
       
       นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คาดการณ์ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารของไทยปีนี้ (2552) จะส่งออกได้ 670,000 ล้านบาท ซึ่งยอดส่งออก ลดลงจากปีที่แล้ว (2551) ซึ่งมีมูลค่ากว่า 724,000 ล้านบาท
       
       ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว อุตสาหกรรมอาหารของไทยเติบโตผิดปกติ เนื่องมาจากการเก็งกำไรราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนปีนี้ยอดส่งออกในอุตสาหกรรมอาหารไม่ถดถอยมาก เพราะใช้วัตถุดิบในประเทศถึงร้อยละ 85 อีกทั้งไทยเป็นประเทศที่มีพื้นฐานการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ จึงยังสามารถเป็นครัวของโลกได้
       
       อีกทั้ง จากวิกฤติความเชื่อมั่นสินค้าจากจีน ทำให้ญี่ปุ่นที่พึ่งพาการนำเข้าอาหารถึงร้อยละ 60 และครึ่งหนึ่งนำเข้าจากจีน เริ่มตระหนักถึงความเชื่อมั่นในสินค้าอาหารจากปัญหาเกี๊ยวซ่าจากจีน มียาปฏิชีวนะปนเปื้อนและนมมีส่วนผสมของเมลามีน ทำให้แม่บ้านชาวญี่ปุ่นเกือบทั้งหมดไม่ยอมรับสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดในจีน อุตสาหกรรมอาหารญี่ปุ่นเกรงจะสูญเสียศักยภาพในการแข่งขัน บางส่วนจึงเริ่มย้ายฐานการผลิตจากจีนมาสู่อาเซียน ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับโอกาสสูงที่ญี่ปุ่นจะย้ายฐานมาผลิต รวมถึง นำเข้าสินค้าอาหาร
       
       นอกจากนี้ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ด้านอาหารของประเทศญี่ปุ่น เตรียมย้ายฐานเข้ามาลงทุน เนื่องจากประสบปัญหาแรงงานชาวญี่ปุ่นอายุสูงขึ้น ประกอบกับไทยมีประสบการณ์ในการผลิตอาหารป้อนตลาดโลกมา 20 ปี และมีความยืดหยุ่นในกระบวนการผลิตที่ปรับเปลี่ยนให้ได้มาตรฐานและคุณภาพของลูกค้าทั่วโลก นอกจากนั้น อุตสาหกรรมไทยมีการตรวจสอบคุณภาพอาหาร ฝึกอบรมค่อนข้างมาก ประการสำคัญคนไทยรักสะอาด จึงได้เปรียบในการเป็นฐานผลิตอาหารป้อนญี่ปุ่นได้
       
       จากปัจจัยดังกล่าว ส.อ.ท.เชื่อว่า การย้ายฐานจากจีนของผู้ผลิตรายใหญ่และเอสเอ็มอีญี่ปุ่นมาสู่ไทยจะเห็นชัดเจนมากขึ้นในปีนี้ ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพพร้อมที่จะเป็นฐานรองรับการผลิตอาหารป้อนญี่ปุ่น
       
       นายไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคญี่ปุ่น รัฐบาลได้มอบหมายให้เจโทรญี่ปุ่น ประสานมายังเจโทรไทย โดยเป็นความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยโตเกียวมารีนซายเทคโนโลยี และมหาวิทยลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถดูแลให้อาหารมีคุณภาพและสามารถตรวจสอบสู่แหล่งผลิตได้ ดังนั้น แม้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจโลก แต่สินค้าอาหารไทยยังประคองตัวได้ ขณะเดียวกัน โอกาสการเติบโตของการส่งออกอาหารทะเลจากไทยไปญี่ปุ่น ก็ยังขยายตัวได้ในอนาคต เพราะญี่ปุ่นนำเข้ากุ้งจากไทยมากขึ้น ทำให้ภาพรวมกุ้งส่งออก 2 เดือนแรกปีนี้เติบโตถึงร้อยละ 15

                                                                                  ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 25 มีนาคม 2552

 

 



ศูนย์ศึกษาธุรกิจครอบครัวและ SMEs ( Family Business & SMEs Study Center ) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ตึก 7 ชั้น 12
เบอร์โทรศัพท์ 0-2-697-6351-2 โทรสาร 0-2697-6350