« กลับหน้าหลัก
« ติดต่อสอบถาม
หลักเกณฑ์การสอบคัดเลือก
« คุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์สมัครสอบ
  • มีอายุไม่เกิน 40 ปี นับถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร
  • ถ้าเป็นอาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยต้องมีอายุงานไม่ต่ำกว่า 1 ปี
  • มีคะแนนภาษาอังกฤษ TOEFL ไม่ต่ำกว่า 213 (Computer–Based) หรือ คะแนน IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.5 โดยผลการสอบต้องไม่เกิน 2 ปีนับถึงวันที่สมัครสอบ
  • ผู้สมัครศึกษาต่อระดับปริญญาโทควบเอก
    - ต้องเป็นผู้ได้รับวุฒิปริญญาตรีหรือประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญาตรี และมีผลการศึกษาเฉลี่ยตลอดหลักสูตรการศึกษาไม่ต่ำกว่า 3.00 ในระบบการวัดผลที่คิดคะแนนให้ A = 4, B = 3, C = 2, D =1, F = 0 หรือร้อยละ 75 หรือเทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้
  • ผู้สมัครศึกษาต่อระดับปริญญาเอก
    - ต้องเป็นผู้ได้รับวุฒิปริญญาโทหรือประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญาโท และมีผลการศึกษาเฉลี่ยตลอดหลักสูตรการศึกษาไม่ต่ำกว่า 3.25 ในระบบการวัดผลที่คิดคะแนนให้ A = 4, B = 3, C = 2, D = 1, F = 0 หรือร้อยละ 81.25 หรือเทียบได้ไม่ต่ำกว่านี้
  • กรณีที่ผู้สมัครสอบเป็นผู้รับทุนจากสถาบันหรือองค์กรใดซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศ ไม่มีสิทธิสมัครสอบในครั้งนี้ หรือผู้สมัครสอบที่เคยได้รับทุนจากสถาบันหรือองค์กรใดไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศมาแล้ว จะต้องเป็นผู้ซึ่งหมดภาระผูกพันในการปฏิบัติงานชดใช้ทุนตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับสถาบันหรือองค์กรนั้น ๆ แล้ว ภายในวันที่สมัคร
  • เป็นผู้ที่ไม่เคยและไม่อยู่ในระหว่างการถูกฟ้องคดีแพ่งหรือคดีอาญา


 

กำหนดการรับสมัคร เปิดรับสมัครปีการศึกษาละ 2 ครั้ง
  • การรับสมัครครั้งที่ 1 1 กรกฎาคม – 31 สิงหาคมของทุกปีการศึกษา
  • การรับสมัครครั้งที่ 2 1 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ของทุกปีการศึกษา

หมายเหตุ กำหนดการรับสมัครอาจเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
 


 

เอกสารหลักฐานที่จะต้องยื่นพร้อมใบสมัคร

  • สำเนาคะแนนภาษาอังกฤษ TOEFL ไม่ต่ำกว่า 213 (Computer–Based) หรือ คะแนน IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.5 จำนวน 1 ชุด โดยผลการสอบต้องไม่เกิน 2 ปีนับถึงวันที่สมัครสอบ

  • สำเนาใบปริญญาบัตรพร้อมสำเนาใบรายงานผลการศึกษา (Transcript) ระดับปริญญาตรี จำนวน 1 ชุด

  • สำเนาใบปริญญาบัตรพร้อมสำเนาใบรายงานผลการศึกษา (Transcript) ระดับปริญญาโท จำนวน 1 ชุด

  • หนังสือรับรองที่ออกโดยผู้บังคับบัญชา/อาจารย์ที่เคยสอน และ/หรือ เพื่อนร่วมงาน จำนวน 3 ฉบับ

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 1 ชุด

- ผู้สมัครมีสิทธิ์สมัครสอบทุนได้คนละ 1 สาขาวิชา เมื่อสมัครแล้วจะขอถอนหรือขอเปลี่ยนสาขาวิชาที่สมัครสอบไว้อีกไม่ได้
- ในการสมัครสอบ ผู้สมัครจะต้องตรวจสอบและรับรองตนเองว่ามีคุณสมบัติตรงตามประกาศรับสมัครจริง หากคณะกรรมการได้ตรวจสอบคุณสมบัติจากเอกสารและหลักฐานแล้วปรากฏภายหลังว่าผู้ใดมีคุณสมบัติไม่ตรงตามประกาศรับสมัคร จะถือว่าผู้นั้นเป็นผู้ขาดคุณสมบัติทันที

หมายเหตุ 1. มหาวิทยาลัยฯจะยกเว้นการแสดงผลคะแนนภาษาอังกฤษ TOEFL หรือ IELTS เฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติในกรณีใดกรณีหนึ่งหรือทั้งสองกรณี ดังต่อไปนี้
1.1 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทในต่างประเทศ (ทั้งสองระดับการศึกษา)
1.2 ได้รับการตอบรับเข้าศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศอย่างไม่มีเงื่อนไข
 


 

การสอบและเกณฑ์การตัดสิน

การประเมินความเหมาะสมในการรับทุน จะใช้วิธีประเมินจากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษาของผู้สมัคร และสัมภาษณ์เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการไปศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น พื้นความรู้ที่จำเป็นสำหรับการไปศึกษาต่อในสาขาวิชาที่สมัคร ความสามารถทางภาษาอังกฤษ ความตั้งใจจริง ทัศนคติต่อการรับทุนไปศึกษาต่อต่างประเทศ และการกลับมาเป็นอาจารย์ ประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย อารมณ์ การปรับตัวเข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อม เชาวน์ปัญญา และบุคลิกภาพอื่น ๆ เป็นต้น โดยผู้สมัครจะต้องสอบข้อเขียนและสอบสัมภาษณ์ กำหนดวันสอบมีดังนี้

  • สอบข้อเขียน : วิชาเชาว์ปัญญาและความสามารถในการวิเคราะห์ (Aptitude Test)
  • สอบสัมภาษณ์ : โดยคณะกรรมการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อรับทุนศึกษาต่อต่างประเทศของมหาวิทยาลัย ซึ่งประกอบด้วย อธิการบดี กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหารมหาวิทยาลัย คณบดี และผู้แทนจากสำนักงาน ก.พ.
  • ประกาศผลสอบ : มหาวิทยาลัยจะประกาศรายชื่อเฉพาะผู้มีสิทธิได้รับทุน โดยจะประกาศรายชื่อทาง เว็บไซต์ที่ www.utcc.ac.th หากผู้มีสิทธิได้รับทุนสละสิทธิการรับทุนหรือถูกเพิกถอนการให้ทุน หรือขาดคุณสมบัติที่จะรับทุน มหาวิทยาลัยจะพิจารณาให้ผู้ที่ได้คะแนนในลำดับถัดไปของทุนของคณะนั้น และยังมิได้รับทุนใดๆ ในการสอบครั้งเดียวกันนี้เป็นผู้มีสิทธิได้รับทุนแทน ทั้งนี้ ต้องภายในระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับทุน


 

การตรวจสุขภาพกายและสุขภาพจิต
  • ผู้รับทุนต้องไปรับการตรวจสุขภาพร่างกาย ณ โรงพยาบาลของรัฐหรือเอกชนที่มหาวิทยาลัยกำหนดและผู้รับทุนต้องส่งผลการตรวจมายังฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ส่วนการตรวจสุขภาพจิต ผู้รับทุนต้องไปรับการตรวจ ณ โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาเท่านั้น โดยมหาวิทยาลัยจะเป็นผู้นัดหมายวัน เวลา ให้แก่ผู้รับทุนเข้ารับการตรวจ ทั้งนี้โรงพยาบาลจะส่งผลการตรวจมายังมหาวิทยาลัยโดยตรง


 

การสมัครสถานศึกษาและการเดินทาง
  • ผู้ได้รับทุนจะต้องสมัครเข้าเรียนในสถานศึกษาตามแผนการศึกษาที่มหาวิทยาลัยได้กำหนดไว้ การติดต่อสถานศึกษาของผู้ได้รับทุน ต้องดำเนินการให้ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของต่างประเทศภายในเวลา 18 เดือน นับจากวันที่สภามหาวิทยาลัยอนุมัติ และต้องเป็นสถานศึกษาที่มหาวิทยาลัยพิจารณาเห็นชอบหรืออยู่ในรายชื่อที่มหาวิทยาลัยกำหนด สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการติดต่อสถานศึกษา การทดสอบทางวิชาการ เอกสาร และอื่น ๆ ตามเกณฑ์ของสถานศึกษาเป็นภาระของผู้รับทุนเองทั้งสิ้น เมื่อสถานศึกษาตอบรับและมหาวิทยาลัยอนุมัติแล้ว จึงจะให้ผู้ได้รับทุนเดินทางไปยังสถานศึกษานั้นๆ


 

การทำสัญญาและข้อผูกพันในการรับทุน
  • เมื่อผู้ได้รับทุนได้รับอนุมัติสถานศึกษาจากมหาวิทยาลัยให้ไปศึกษาแล้วจะต้องมาทำสัญญาการรับทุน และสัญญาค้ำประกันกับมหาวิทยาลัยให้เสร็จเรียบร้อยตามระเบียบของมหาวิทยาลัย หากไม่มาทำสัญญาในเวลาที่มหาวิทยาลัยกำหนด ถือว่าสละสิทธิ์
  • ถ้าผู้รับทุนเป็นบุคคลภายนอกจะต้องมาปฏิบัติหน้าที่เป็นอาจารย์ประจำที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 1 เดือน ก่อนจะเดินทางไปศึกษา ณ สถาบันที่มหาวิทยาลัยอนุมัติ
  • มหาวิทยาลัยทำสัญญาผูกพันผู้ได้รับทุนให้กลับมาปฏิบัติงานเป็นอาจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 เท่าของระยะเวลาที่ได้รับทุน
  • กรณีที่ผู้รับทุนไม่ปฏิบัติตามสัญญา ต้องชดใช้เงินให้แก่มหาวิทยาลัยเป็นจำนวน 2 เท่าของเงินทุนที่มหาวิทยาลัยได้จ่ายไปเพื่อการศึกษาของบุคคลผู้รับทุนนั้น
  • ในกรณีที่ผู้รับทุนกลับมาปฏิบัติงานไม่ครบจำนวนตามสัญญา ให้ลดเงินที่จะต้องชดใช้ลงตามส่วน


 

การเพิกถอนการให้ทุน มหาวิทยาลัยจะพิจารณาเพิกถอนการให้ทุนแก่ผู้ได้รับทุน หากเข้ากรณีใดกรณีหนึ่ง ดังนี้
  • ไม่ผ่านการตรวจสุขภาพกายและสุขภาพจิต
  • หลีกเลี่ยง ละเลยการรายงานตัว การอบรม และการทำสัญญาตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด
  • มีเหตุอันควรเชื่อว่าไม่เหมาะสมแก่การเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
  • กรณีที่ผู้ได้รับทุนขาดการติดต่อกับคณะวิชาต้นสังกัดเกิน 1 ปี
  • หลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงกำหนดการเดินทางไปศึกษาต่อ ภายหลังจากที่มหาวิทยาลัยอนุมัติสถานศึกษาแล้ว
  • กรณีไม่ได้รับการตอบรับเข้าศึกษาจากสถานศึกษาที่จะไปศึกษาต่อ ภายในระยะเวลา 18 เดือน นับแต่วันประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้รับทุน