เตือนรับมือเศรษฐกิจโลกผันผวน มองปัญหาซับไพรม์สหรัฐยังไม่จบ

     นักเศรษฐศาสตร์เตือนรัฐบาลใหม่รับมือเศรษฐกิจโลกชะลอ มองปัญหาซับไพรม์ยังไม่จบ กดดันส่งออกชะลอตัว คาด กนง.ลดดอกเบี้ยลง 0.25%

 นายฮุย เช็ง ไท หัวหน้างานวิจัยเศรษฐกิจระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และ น.ส.อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ร่วมแถลงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยปี 2551 ว่าปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือซับไพรม์ของสหรัฐนั้น ยังมีแนวโน้มจะเกิดรอบสองในรอบ 6 เดือนข้างหน้านี้ เพราะทิศทางราคาบ้านในสหรัฐยังลดลงและจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในการบริโภคของสหรัฐให้ลดลง ซึ่งปัญหาซับไพรม์จะกระทบต่อประเทศในเอเชียมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับปริมาณการส่งออกไปสหรัฐ

 น.ส.อุสรา กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงและแนวโน้มดอลลาร์ที่จะแข็งค่าขึ้น ทำให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบในปีหน้า อัตราเติบโตลดลงเหลือ 8% ขณะที่ไทยมีการลงทุนเมกะโปรเจคท์และผลกระทบจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้น จึงทำให้คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดในปีหน้าจะติดลบถึง 2,500 ล้านดอลลาร์ จากปีนี้ที่ยังเป็นบวก

 “ผลกระทบจากทั้งเศรษฐกิจโลก การส่งออกลดลง ปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น นับเป็นความท้าทายรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งต้องดำเนินนโยบายเร่งการบริโภค การลงทุนในประเทศทดแทน โดยเฉพาะเมกะโปรเจคท์ รวมทั้งควรยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เพื่อกระตุ้นให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนพันธบัตร เพราะทิศทางในขณะนี้ต้นทุนการลงทุนจะอยู่ในระดับสูง” น.ส.อุสรา กล่าว

 ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ คาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เหลือ 3.0% และคงจะเป็นการปรับครั้งสุดท้ายในรอบนี้ เพราะการปรับในช่วงที่ผ่านมามีปัญหาในเรื่องไม่สามารถส่งผ่านนโยบายการเงินไปให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ได้เพิ่มขึ้นมากนัก

 

 

ที่มา :คมชัดลึก   8 ตุลาคม พ.ศ. 2550