นายยรรยง พวงราช
อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า
มีสินค้าจำนวน 14 สินค้า รวม 588
รายการ จากผู้ประกอบการ 30 ราย
ยื่นขอปรับราคามายังกรมฯ ได้แก่
ยางรถยนต์ แบตเตอรี่ ปุ๋ยเคมี
กาแฟผงสำเร็จรูป ยี่ห้อมอคโคน่า
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง
ยารักษาโรค น้ำมันพืช ผงซักฟอก
ยาป้องกันและกำจัดศัตรูพืช
ผลิตภัณฑ์ล้างจาน น้ำอัดลม
ผลิตภัณฑ์นม (นมผง นมแปลงไขมัน
นมเปรี้ยว) และรถยนต์นั่ง
รถจักรยานยนต์ รถบรรทุกเล็ก
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบต้นทุนว่า
เพิ่มขึ้นจริงหรือไม่
เพื่อป้องกันการแอบอ้างต้นทุนแฝง
ซึ่งหากพบว่า ต้นทุนเพิ่มขึ้นจริง
จะพิจารณาให้ปรับราคาตามความเหมาะสม
เพื่อให้ผู้ประกอบการอยู่ได้
ทั้งนี้ ทั้ง 14
สินค้าที่ยื่นขอปรับราคามานั้น
ส่วนใหญ่ได้ยื่นขอปรับราคามาตั้งแต่ก่อนที่จะปฏิรูปการปกครอง
หรือก่อนวันที่ 19 ก.ย. 49
และบางรายการได้ยื่นเพิ่มเติมมาภายหลัง
โดยต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นส่วนใหญ่เป็นราคาวัตถุดิบ
เช่น เมล็ดกาแฟดิบ ปรับขึ้นเป็น
กก.ละ 50 บาท จากเดิม 35 บาท
ปลากะตัก
ซึ่งเป็นวัตถุดิบผลิตน้ำปลาเพิ่มเป็น
กก.ละ 9.79 บาท จากเดิม 6.90 บาท
นมผงเพิ่มเป็นกก.ละกว่า 4,000 บาท
จาก กว่า 2,000 บาท
ขณะนี้ยังไม่อนุมัติให้ผู้ประกอบการรายใดปรับขึ้นราคาเพิ่มเติม
หลังจากได้อนุมัติให้น้ำปลา
กาแฟผงยี่ห้อเนสกาแฟ เขาช่อง
ผลิตภัณฑ์นมบางบริษัทขึ้นราคาไปก่อนหน้านี้
เพราะต้องดูข้อเท็จจริงก่อนว่าต้นทุนสูงขึ้นจริงหรือไม่
โดยยึดหลักการเดิม คือ
ตรวจสอบต้นทุนย้อนหลัง 2 ปี
หากจำเป็นให้ขึ้นก็ต้องให้ขึ้น
เพื่อไม่ให้สินค้าขาดตลาด
แต่ต้องไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค
ส่วนแนวโน้มการลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มในปลายปี
ซึ่งขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะปรับขึ้นกี่บาท
แต่กรมฯ
ได้ประเมินผลกระทบในเบื้องต้นแล้วพบว่าหากปรับขึ้น
1 บาท
จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตตั้งแต่
0.007-1% โดยมีผลด้านการขนส่ง คือ
รถแท็กซี่ ที่ใช้ก๊าซวันละ 70
ลิตร ได้รับผลกระทบ 30-40
บาทต่อวัน ภาคครัวเรือน
คำนวณจากใช้ถังก๊าซ 15 กก. 1
ถังได้รับผลกระทบ 15 บาทต่อเดือน
และอาหารสำเร็จรูปที่ใช้ก๊าซหุงต้มปรุงอาหาร
ได้รับผลกระทบเป็นเศษสตางค์
ส่วนในด้านสินค้าอุปโภคบริโภค
ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย
จะนำผลกระทบเข้าหารือกับกระทรวงพลังงานต่อไป
เพื่อให้การปรับขึ้นราคาไม่กระทบต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ซึ่งเชื่อว่า
ราคาก๊าซจะปรับไม่เกิน 2 บาท
และค่าแรงขั้นต่ำไม่เกิน 4 บาท
โดยเชื่อว่าการปรับขึ้นเท่านั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในสินค้าและบริการ
ส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่มีการตรวจสอบสถานการณ์ผลิตและจำหน่ายก๊าซหุงต้มทั้งต้นทางและปลายทางแล้ว
เพื่อป้องกันการกักตุน
และป้องกันไม่ให้ก๊าซหุงต้มขาดตลาด
โดยหากประชาชนพบเห็นภาวะผิดปกติ
ให้แจ้งได้ที่สายด่วนแม่บ้าน 1569
ส่วนกรณีที่จะมีการปรับขึ้นเงินเดือนของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
ถือเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้ภาคประชาชน
แต่ไม่ใช่เหตุผลที่ผู้ประกอบการจะใช้เป็นข้ออ้างในการขึ้นราคาสินค้า
นายเกริกไกร จีระแพทย์
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า
ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน
ศึกษาผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นต่อครัวเรือนและต้นทุนของผู้ใช้รถยนต์
โดยเฉพาะแท็กซี่
กรณีการปรับขึ้นราคาก๊าซ
และไปชี้แจงในการหารือกับกระทรวงพลังงาน
เพื่อให้ปรับราคาก๊าซที่สมเหตุ
สมผล โดยไม่กระทบต่อประชาชน.