กรมข้าวเปิดตัวโครงการใหม่ สอนคนตกงานให้เป็นชาวนา
 


     "
สุรยุทธ์" หวั่นอาชีพทำนาสูญพันธุ์ หลังพบอายุเฉลี่ยชาวนาอยู่ที่ 50-60 ปี กรมการข้าว-ธ.ก.ส.-ส.ป.ก.เตรียมแจกที่ดิน/เงินทุน ดึงแรงงานที่ถูกเลย์ออฟจากภาคอุตสาหกรรมจำนวน 200 รายกลับคืนสู่อาชีพทำนา ด้านผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรเร่งวิจัย พัฒนา เปิดตัวสินค้าใหม่ หวังช่วยทดแทนแรงงาน

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่คณะกรรม การยุทธศาสตร์ข้าว ซึ่งมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้แสดงความหวั่นวิตกว่า อาชีพชาวนากำลังจะสูญพันธุ์เนื่องจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ยประมาณ 50-60 ปี ถือว่าอยู่ในวัยใกล้เกษียณแทบทั้งสิ้น หากหมดชาวนารุ่นนี้ไปแล้วอาจจะส่งผลกระทบบทบาทและศักยภาพของประเทศไทยที่เป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลกในอนาคต จึงมอบหมายให้กรมการข้าวไปจัดทำแผนงานเพื่อส่งเสริมให้คนวัยทำงานจากภาคอุตสาหกรรมหรือคนรุ่นใหม่หันกลับมาประกอบอาชีพทำนาเพื่อรักษาฐานอาชีพชาวนาให้อยู่คู่กับประเทศไทยในอนาคต

    นายวิทยา ฉายสุวรรณ รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้กรมการข้าวกำลังร่วมหารือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เพื่อดำเนินโครงการส่งเสริมอาชีพการทำนาให้แก่แรงงานที่ถูกเลย์ออฟจากภาคอุตสาหกรรมจำนวน 200 รายให้สามารถหันไปประกอบอาชีพทำนาได้ โดยผู้สนใจเข้าร่วมโครงการจะได้รับการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก.จำนวนหนึ่งและได้รับเงินกู้ยืมจาก ธ.ก.ส.ในอัตรา 40,000 บาท/ราย เพื่อนำไปใช้ประกอบอาชีพ โดยกรมการข้าวจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงสนับสนุนข้อมูลการเพาะปลูก และเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีสำหรับใช้ในการเพาะปลูก คาดว่าผู้ที่เข้าร่วมโครงการจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 3-5 ปี โดยทางกรมการข้าวเตรียมจะนำเสนอแผนดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ข้าว ภายในเดือนกันยายน 2550

    นอกจากนี้ กรมการข้าวพยายามปรับทัศนคติคนรุ่นใหม่ เช่น จัดโครงการยุวเกษตรกร เพื่อให้เยาวชนรู้จักการเพาะปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี และใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนการผลิตและได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนอาชีพการทำนา เช่น เพิ่มปริมาณศูนย์ข้าวชุมชนจาก 7,000 แห่ง เป็น 10,000 แห่งทั่วประเทศ เพื่อกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีสู่เกษตรกร และจัดกิจกรรมฝึกอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรอย่างครบวงจรตั้งแต่การเพาะปลูกและการตลาด พร้อมกับสนับสนุน ให้ชาวนาในแต่ละชุมชนเกิดการรวมตัวเพื่อทำธุรกิจในลักษณะเป็นเครือข่าย เพื่อสร้างอำนาจต่อรองราคา

    ส่วนปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการเกษตรนั้น กรมการข้าวเสนอทางเลือกให้เกษตรกรหันไปใช้เครื่องจักรกลการเกษตรประเภทเครื่องหยอดเมล็ดข้าวและเครื่องหว่าน ข้าว ฯลฯ เพื่อลดปริมาณการใช้แรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอีกทางหนึ่ง

    ด้านนายดำรงเดช ประมิติธนการ ประธาน บริษัท เวิลด์ไวด์ ธนา จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องจากการปลูกข้าวด้วยวิธีการปักดำข้าวต้องใช้เวลาและแรงงานจำนวนมาก ส่วนการทำนาหว่านแม้จะใช้แรงงานน้อยกว่าแต่สิ้นเปลืองเมล็ดพันธุ์ทำให้ชาวนามีต้นทุนการผลิตสูง ดังนั้นบริษัทจึงรวบรวมข้อดีของการทำนาหว่านและนาปักดำเข้าไว้ด้วยกัน และผลิตอุปกรณ์เครื่องจักรชนิดใหม่ คือ เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าว โดยตั้งราคาจำหน่ายเพียงเครื่องละ 60,000 บาท ซึ่งเป็นราคาจำหน่ายที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ลักษณะใกล้เคียงกันที่วางจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป

    ทั้งนี้คาดว่าสินค้าใหม่จะเป็นที่ยอมรับของเกษตรกรในระยะเวลารวดเร็ว เนื่องจากมีลักษณะเด่นคือ ช่วยให้เกษตรกรทำนาได้สะดวกง่ายดายและเพิ่มประสิทธิภาพผลผลิตได้สูงขึ้น ขณะนี้บริษัทได้ประสานงานกับกรมการข้าวเพื่อแนะนำอุปกรณ์เครื่องจักรกลชนิดนี้ให้เป็นที่รู้จักของเกษตรกรทั่วประเทศต่อไป

    นายวีระชัย เชาว์ชาญกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามคูโบต้าอุตสาหกรรม จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในกลุ่มนาข้าวขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้เกษตรกรมีปริมาณความต้องการใช้อุปกรณ์เครื่องจักรกลการเกษตรประเภทรถเกี่ยวข้าว รถไถ ฯลฯ เติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ไม่ต่ำกว่าปีละ 4-5% ทำให้ตลาดสินค้าเครื่องจักรกลการเกษตรมีภาวะการแข่งขันสูงทั้งด้านราคาและบริการ

    ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำตลาดในการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องจักรการเกษตรสำหรับนาข้าวถึงร้อยละ 60 ของมูลค่าตลาดรวมภายในประเทศ 30,000 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทได้จัดสรรงบฯสำหรับใช้ในการวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่าปีละ 100 ล้านบาท โดยเน้นไปที่กลุ่มอุปกรณ์ เครื่องจักรสำหรับนาข้าวเป็นหลัก นอกจากนี้ยังวางแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มเกษตรอินทรีย์ เช่น โรงเรือนและอุปกรณ์สำหรับเพาะปลูกพืชผักอินทรีย์ ฯลฯ ออกสู่ตลาดในเร็วๆ นี้อีกด้วย


หน้า 10
 

ที่มา :ประชาชาติธุรกิจ  วันที่ 03 กันยายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3928 (3128)