จีนกักข้าวไทยยัวะถูกขึ้นบัญชีดำผัก-ผลไม้
|
ธ.ก.ส.เล็งออกกฎใหม่จำนำข้าวเปลือก-สกัดทุจริต
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ
เปิดเผยว่า สัปดาห์ก่อนได้รับแจ้งว่าข้าวไทยที่ส่งออกไปจีน
ถูกศุลกากรกักกันไม่ให้นำเข้าประเทศจำนวน 5,000-6,000 ตัน
ที่ท่าเรือกวางเจาอย่างไม่มีเหตุผล
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ไทยสอบถามข้อเท็จจริงไปยังหน่วยงานศุลกากรของจีนจึงทราบว่า
จีนตอบโต้ไทยจากกรณีเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข
โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ของไทยประกาศขึ้นบัญชีดำจับตาสินค้าผักและผลไม้นำเข้าจากจีน
โดยระบุว่าตรวจพบสารปนเปื้อนหลายรายการ
ทำให้รัฐบาลจีนเสียความรู้สึกและไม่พอใจเป็นอย่างมาก
แต่หลังจากที่ทูตพาณิชย์ไทยในจีนได้เข้าไปเจรจากับรัฐบาลจีน
ฝ่ายจีนก็ยอมปล่อยข้าวไทยให้เข้าไปขายในจีนแล้ว อย่างไรก็ตาม
อนาคตหน่วยงานราชการจะทำอะไรควรหารือร่วมกันก่อน
เพื่อไม่ให้กระทบต่อการค้าการส่งออกของไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไทย-จีน
ได้ตกลงร่วมมือด้านการส่งออกสินค้าเกษตรร่วมกัน
ภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ)
แต่ไทยกลับขึ้นบัญชีดำสินค้าจีน ทำให้ นายหู จิ่น เทา
ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่พอใจ
นายธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์
ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
กล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าวนาปีฤดูการผลิต 50/51 ที่จะเริ่มในเดือนพ.ย.นี้
ว่า ธ.ก.ส.เตรียมเงินรับจำนำไว้ประมาณ 1-2 หมื่นบาท
ขึ้นอยู่กับปริมาณและการกำหนดราคาในการรับจำนำ
ซึ่งคณะกรรมการธนาคารจะหารือกันในเร็วๆ นี้
เพื่อปรับปรุงวิธีการรับจำนำให้เข้มงวดรัดกุมและป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตเหมือนที่ผ่านมา
ก่อนจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในเดือนต.ค.
ทั้งนี้
ธ.ก.ส.เตรียมเสนอแนวทางการรับจำนำและการตรวจสอบข้าวเปลือก
โดยเห็นว่าควรแยกการรับจำนำระหว่างเกษตรกรรายย่อย
และกลุ่มเกษตรกรที่มีปริมาณข้าวในโรงสีหรือยุ้งฉางปริมาณมากออกจากกัน
และปรับวิธีการบริหารจัดการข้าวรับจำนำใหม่
ซึ่งรัฐบาลควรจ่ายเงินคืนปีต่อปี หากเกษตรกรไม่มาไถ่ถอน
กระทรวงพาณิชย์ต้องระบายข้าวไปยังตลาดต่างประเทศ ไม่ควรเก็บสต๊อกนาน
2-3 ปี เพราะนอกจากจะทำให้คุณภาพข้าวด้อยลง
ยังเกิดปัญหาจ่ายเงินคืนธ.ก.ส. ที่ขณะนี้มีหนี้สะสม 5-6
หมื่นล้านบาท
หน้า 8
|
ที่มา ข่าวสด วันที่ 03 กันยายน
พ.ศ. 2550 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6122 |
|