กรมการข้าวระบุจีเอ็มโอในข้าวยังไม่จำเป็น
ชี้ปัญหาใหญ่คือเมล็ดพันธุ์ข้าวปลอมปน แต่ขาดอำนาจดูแล
เตรียมเสนอรัฐบาลบรรจุเป็นวาระแห่งชาติเพื่อแก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายวิทยา ฉายสุวรรณ
รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า
กรมการข้าวยืนยันปฏิบัติตามนโยบายรมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ที่จะไม่ทดลองตัดแต่งพันธุกรรมหรือจีเอ็มโอกับพืชอาหารโดยเฉพาะข้าว
แม้ว่ากระทรวงเกษตรฯ จะเตรียมเสนอครม.พิจารณาอนุมัติให้มีการทดลองวิจัยพืชจีเอ็มโอในระดับไร่นา
ประเทศไทยมีเทคโนโลยีและนักวิจัยเพื่อปรับปรุงพันธุ์ข้าวสายพันธุ์ใหม่ที่ดีโดยใช้วิธีทางธรรมชาติในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว
และไม่จำเป็นต้องตัดแต่งพันธุกรรม
แต่ส่วนตัวมีความเห็นว่าการทดลองจีเอ็มโอทางด้านวิชาการเป็นเรื่องจำเป็น
มิเช่นนั้นไทยอาจล้าหลังประเทศเพื่อนบ้าน
ปัญหาใหญ่ที่น่าเป็นห่วงกว่าจีเอ็มโอในเรื่องข้าวขณะนี้คือ
พบว่ามีการแพร่ระบาด เมล็ดพันธุ์ข้าวปลอมปน
โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์จากการใช้รถเกี่ยวนวดข้าวร่วมกันที่มีข้าววัชพืชติดไปด้วย
ซึ่งขณะนี้พบการกระจายจากภาคกลางไปสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว
รวมทั้งยังมีเอกชนหลายรายนำเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีพันธุ์ปลอมปนไปจำหน่ายกันอย่างกว้างขวาง
แต่กรมการข้าวไม่มีอำนาจเข้าไปดำเนินการตามกฎหมายพรบ.คุ้มครองพันธุ์พืช
เนื่องจากกรมการข้าวเพิ่งแยกตัวออกมาได้เพียง 1 ปีเศษ
และกฎหมายดังกล่าวก็ยังตกค้างอยู่กับกรมวิชาการเกษตร
โดยสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช
อย่างไรก็ตามได้ยื่นหนังสือเร่งด่วนไปยังกระทรวงเกษตรและสหรณ์แล้วเพื่อเสนอขอให้มีการออกประกาศกฎกระทรวง
แต่งตั้งให้เจ้าหน้าที่ของกรมการข้าวมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายเพื่อออกสุ่มตรวจเมล็ดพันธุ์
ตักเตือนและดำเนินการตามกฎหมายได้
ซึ่งถือเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับกรมวิชาการเกษตร
พร้อมเตรียมเสนอปัญหาเรื่องข้าวต่อรัฐบาลเพื่อบรรจุเป็นวาระแห่งชาติในการพัฒนาเรื่องข้าวทั้งระบบแบบบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
นายวิทยากล่าวว่า การใช้เมล็ดพันธุ์ดีในการปลูกข้าว
ถือเป็นหัวใจสำคัญอันดับหนึ่งของการสร้างผลผลิตข้าวที่มีคุณภาพดี
ต้นทุนต่ำ ขายได้ราคาสูง
แต่กรมการข้าวยังขาดอำนาจในการควบคุมดูแลปัญหาปลอมปนเมล็ดพันธุ์ข้าว
ขณะนี้ทำได้เพียงการรณรงค์ส่งเสริมความรู้เกษตรกรให้ใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี
กรมการข้าวเองก็ยังติดปัญหาศักยภาพการผลิตที่ไม่พียงพอต่อความต้องการของเกษตรที่มีอยู่กว่า
9 แสนตันต่อปี โดยกรมฯทำได้เพียง 92,000 ตันต่อปี
คิดเป็นร้อยละ 10 เท่านั้น
อีกทั้งได้พยายามขยายข้าวพันธุ์ดีให้กับเกษตรกรเป็นเครือข่ายข้าวชุมชนให้เป็น
10,000 แห่งจากปัจจุบันมี 7,000 แห่ง
ตามเป้าหมายของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ข้าว
หากปล่อยให้ปัญหาเมล็ดพันธุ์ข้าวปลอมปนแพร่ระบาดจนควบคุมไม่ได้
และลุกลามถึงข้าวหอมมะลิที่ไทยส่งออกเป็นอันดับหนึ่งของโลก
จะส่งผลต่อผลผลิตข้าวคุณภาพดีโดยรวมของไทยลดลง
จนกระทบตลาดส่งออก และพ่ายเวียดนามได้ในที่สุด
รองอธิบดีกรมการข้าวกล่าว
นางทัศนีย์ เพ็ญสุภา ผอ.ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวพิษณุโลก
กล่าวว่า
เมล็ดพันธุ์ข้าวที่ปลอมปนมากับพันธุ์ข้าวที่เกษตรกรปลูก
หากเป็นข้าววัชพืชจะมีอัตราการขยายพันธุ์สูงถึง 200
เท่า และคอยแย่งปุ๋ยในนาข้าวจนทำให้ข้าวปลูกเมล็ดลีบ
ผลผลิตต่อไร่ต่ำ โรงสีกดราคารับซื้อ
ซึ่งเกษตรกรเรียกพันธุ์ข้าวที่ปลอมปนนี้ว่า
ข้าวดีดข้าวเด้ง โดยในระยะ 6 7 ปีมานี้
ยังมีวัชพืชใหม่ที่เหมือนข้าวปลูกจึงยากในการกำจัด
พบการระบาดทั่วไปในนาหว่านน้ำตมภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง
และกำลังแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้อาจจะทำลายเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้