"อียู"ตีขรุมลดภาษี0%สินค้าITA มีการพัฒนารูปแบบผสมผสาน


    สหรัฐค้านอียู ตีความปฏิญญา ITA ไม่รวมสินค้าที่มีจอ LCD/วิดีโอ-สินค้าที่มีพรินเตอร์/ สแกนเนอร์/แฟกซ์รวมกัน-กล้องวิดีโอดิจิทัล สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมชี้ หาก ITA ตีความแบบสหรัฐ ไทยต้องลดภาษีลงเหลือ 0% เตือนผู้ผลิตสินค้าไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ภายใน ประเทศเตรียมตัวรับมือ

แหล่งข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ได้มีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับปฏิญญาว่าด้วยความตกลงเปิดเสรีสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology Agreement หรือ ITA) ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) โดยสหภาพยุโรป หนึ่งในสมาชิกของ ITA เห็นว่า ปัจจุบันประเทศต่างๆ ได้มีการพัฒนาสินค้าที่เป็นลักษณะรูปแบบผสมผสานมากขึ้น และไม่เข้าข่ายที่จะลดภาษีตามข้อตกลงดังกล่าว ที่จะต้องลดภาษีนำเข้าเหลือ 0% จึงได้มีการประกาศปรับเพิ่มภาษีในสินค้าเทคโนโลยีที่อยู่แบบผสมผสานให้เพิ่มขึ้น

โดยสินค้าที่สหภาพยุโรปตีความไม่เข้าข่ายตามตกลง ITA และได้ประกาศปรับเพิ่มภาษี อาทิ สินค้าเกี่ยวกับจอแอลซีดีที่เดิมไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า แต่หากเป็นสินค้ามีการพัฒนาจอแอลซีดีและมีวิดีโออยู่ในตัวด้วย จะถูกเก็บภาษีเพิ่มเป็น 14%, เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์จำพวกพรินเตอร์, สแกนเนอร์, แฟกซ์ แต่ละประเภทไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า แต่เมื่อมีการพัฒนานำการใช้งานของทุกอย่างมารวมอยู่ในเครื่องเดียวกัน (digital multifunction machines) จะต้องเสียภาษีเพิ่ม 6% หรือกรณีของกล้องดิจิทัลที่เดิมเสียภาษีนำเข้า 0% แต่เมื่อพัฒนาเป็นกล้องดิจิทัลที่ถ่ายภาพเคลื่อนไหว (video cameras) จะต้องเสียภาษีเพิ่มเป็น 4.9% เป็นต้น

ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ สหรัฐในฐานะที่เป็นสมาชิก ITA ด้วย เห็นว่า สิ่งที่สหภาพยุโรปตีความสินค้าและมีการจัดเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มนั้น ไม่มีเหตุผล เพราะการพัฒนาสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศให้ดีขึ้นเป็นเรื่องที่ดีไม่น่าจะตีความ จนสร้างภาระภาษีให้กับผู้ส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรป ซึ่งประเด็นที่เกิดขึ้น ทางสหรัฐจะนำสู่ที่ประชุมหารือในเวที WTO รอบต่อไป

ในส่วนของประเด็นดังกล่าวนั้น มีผลต่อประเทศไทย 2 แง่มุม คือ 1)แง่มุมของสหภาพยุโรป ซึ่งตีความเรื่องของการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นลักษณะรูปแบบผสมผสานมากขึ้น จะมีการเก็บภาษีเพิ่ม ผลกระทบคือ หากประเทศไทยส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรป และเข้าข่ายตามที่สหภาพยุโรปตีความก็จะต้องเสียภาษีในการนำเข้าไปในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น

2)แง่มุมทางด้านสหรัฐ กล่าวคือ การเรียกร้องของสหรัฐครั้งนี้อาจจะไม่ได้มีวัตถุประสงค์มุ่งไปที่สินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศเพียงอย่างเดียว เป็นเกมการค้าที่มองอีกด้านว่าสหรัฐเรียกร้องให้ทุกสิ่ง อย่างเข้าของสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ว่าจะมีการพัฒนารูปแบบผสมผสานหรือไม่ ก็ถือเป็นสินค้าที่เข้าข่ายข้อตกลงของ ITA ทั้งหมด ก็หมายความว่า ถ้าหากอุตสาหกรรมอื่นๆ อาทิ พลาสติก, เคมีภัณฑ์ได้มีการพัฒนาผสมผสานไปในสินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ การส่งออกสินค้าไปยังประเทศสมาชิกก็ต้องลดภาษีนำเข้าให้เหลือ 0% ด้วย

"หากข้อเรียกร้องของสหรัฐประสบความสำเร็จ ประเทศไทยก็จะลำบาก เพราะจะต้องเปิดตลาดรับสินค้าในกลุ่มดังกล่าวเข้ามาอีกมากมายโดยไม่ต้องเสียภาษี บางรายการอาจจะกระทบกับผู้ผลิตภายในประเทศได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไทยจะต้องรับทราบและเตรียมการรับมือไว้ในอนาคต ทั้งนี้สหรัฐพยายามหาช่องทางจากข้อตกลง ITA ในการขยายขอบเขตการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ โดยไม่ต้องเสียภาษี ซึ่งตรงนี้ก็ต้องดูท่าทีการประชุมเจรจาต่อรองในเวที WTO อีกครั้งหนึ่ง ดูว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร" แหล่งข่าวกล่าว

นอกจากนั้น สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ได้รายงานสภาวะของอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ว่า ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ของปี 2550 การผลิตโดยรวมของเครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.26% เนื่องจากการชะลอตัวของตลาด ในขณะที่การผลิตอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 22.63% เนื่องจากความต้องการของตลาดโลกในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น โดยแนวโน้มของอุตสาหกรรมในไตรมาส 3 (กรกฎาคม-กันยายน 2550) คาดว่าอุตสาหกรรมจะปรับเพิ่ม 7.38% เนื่องจากการขยายตัวของการผลิตและการส่งออกสินค้าเครื่องปรับอากาศเป็นหลัก

สำหรับปฏิญญาว่าด้วยความตกลงเปิดเสรี สินค้าเทคโนโลยีสารสนเทศ (ITA) เกิดขึ้นในการประชุมระดับรัฐมนตรี องค์การการค้าโลก ที่ประเทศสิงคโปร์ ในปี 2539 มีประเทศสมาชิก 29 ประเทศ ตกลงที่จะลดภาษีนำเข้าสินค้า IT เป็น 0% และผูกพันไว้กับองค์การการค้าโลก (MFN basis) ปัจจุบันมีสมาชิกเข้าร่วมความตกลง ITA เพิ่มขึ้นเป็น 70 ประเทศ รวมทั้งไทย (นับสหภาพยุโรปเป็น 15 ประเทศ) คิดเป็นประมาณ 97% ของการค้าสินค้า IT ของโลก


หน้า 8
 

ที่มา :ประชาชาติ  วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3927 (3127)