นายพิสุทธิ์ ชลากรกุล
ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า
เตรียมเปิดระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลเป็นครั้งที่ 3 รวม 900,000 ตัน
ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 47/48 และ
48/49 โดยในจำนวนนี้เป็นข้าวในโกดังที่บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ
เทรดดิ้ง ผิดสัญญารับมอบกับอคส.จำนวน 260,000 ตัน
และหากขายข้าวครั้งนี้ได้หมด รวมกับการขายก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง
ทำให้รัฐขายข้าวได้ทั้งสิ้น 1.05 ล้านตัน
ซึ่งจะทำให้รัฐได้เงินจากการขายข้าวรวม 22,000 ล้านบาท
ภายในระยะเวลาเพียงเดือนครึ่ง และทำให้สต๊อกข้าวรัฐเหลือเพียง 2.2
ล้านตัน จากเดิมที่มีอยู่ 4.4 ล้านตัน
ผู้ส่งออกตอบรับการระบายข้าวครั้งนี้ดีมาก เพราะตลาดมีความต้องการ
ขณะนี้ผู้ ส่งออกไทยมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศยาวไปถึงเดือน ม.ค.ปีหน้า
เพราะประเทศคู่แข่งอย่างเวียดนาม และอินเดีย หยุดส่งออกข้าวกันหมด แล้ว
หากครั้งนี้สามารถระบายได้หมด
จะทำให้สต๊อกข้าวเก่าที่ค้างมาจากปีก่อนหมดเกลี้ยง
เหลือแต่เพียงข้าวใหม่จากโครงการรับจำนำปี 49/50 อีกประมาณ 2.2
ล้านตันเท่านั้น
สำหรับข้าวที่เพรซิเดนท์ไม่มารับมอบตามสัญญา 260,000 ตัน
ถือเป็นข้าวลอตสุดท้ายจากจำนวนไม่มารับมอบ 1.3 ล้านตัน ดังนั้นหาก
ระบายได้หมด อคส.จะนำราคาข้าวที่เปิดระบายแต่ละครั้งมาคิดส่วนต่าง
เพื่อเรียกค่าเสียหายกับเพรซิเดนท์
รวมถึงค่าใช้จ่ายจากการบริหารจัดเก็บ ค่าปรับ 0.2%
ของมูลค่าข้าวที่ไม่มารับมอบ เท่ากับว่า อคส.สามารถแก้ปัญหากรณีที่เพรซิเดนท์ผิดสัญญารับมอบข้าวได้ในการระบายครั้งนี้
นอกจากนี้สัปดาห์หน้า อคส.จะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
กรณีธนาคารพาณิชย์ไม่ให้ความร่วมมือ
ในการยึดแบงก์การันตีจากผู้ประกอบการโรงสีหรือโกดังข้าวที่ธนาคาร
ออกให้ โดยให้เหตุผลว่าอยู่ระหว่างดำเนินคดี
เพราะมีการทุจริตและยังไม่มีคำตัดสินว่าโรงสีหรือโกดังนั้นทำผิดสัญญากับ
อคส. ส่งผลให้ อคส. เรียกเก็บค่าเสียหายจากแบงก์การันตีไม่ได้