ที่มา :มติชน

24 กันยายน 2550

หญิงญวนรุ่นใหม่ซื้อ"วิตตอง"50ใบ
 

 มหาเศรษฐีจ่ายเบนซ์-บีเอ็มฯเงินสด คนรุ่นเก่าห่วงบ้าวัตถุ-รากหญ้าโวย

เวียดนามยุคใหม่บ้าวัตถุเพื่ออวดฐานะ หญิงบางคนซื้อกระเป๋าหลุยส์ วิตตองถึง 50 ใบ ส่วนมหาเศรษฐีควักเงินสดซื้อเบนซ์-บีเอ็มฯ รากหญ้าโวยคนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนชักหน้าไม่ถึงหลัง คนรุ่นเก่าห่วงบ้าวัตถุสูญเสียจิตวิญญาณ

เอพีรายงานว่า จากการที่เวียดนามได้ปฏิรูปนโยบายเศรษฐกิจไปสู่ระบบเปิด จนทำให้ปัจจุบันเศรษฐกิจมีการขยายตัวสูง ทำให้ชาวเวียดนามมีรายได้มากขึ้น มีคนรวยมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือความนิยมสินค้าฟุ่มเฟือยหรือสินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อแสดงว่ามีรสนิยมสูงและเป็นคนชั้นสูง โดยร้านจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนม ไม่ว่าจะเป็นหลุยส์ วิตตอง, กุชชี่, เบอร์เบอรี่ ต่างผุดขึ้นเต็มไปหมดในเมืองหลักอย่างฮานอยและโฮจิมินห์

รายงานข่าวระบุว่า คนเวียดนามรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อสินค้าแบรนด์เนมได้นี้ มักเป็นชาวเวียดนามที่ทำงานกับบริษัทข้ามชาติ, บริษัทเอกชน หรือไม่ก็บริษัทที่รัฐเป็นเจ้าของ

เหงียน ทิ คัม แวน หญิงสาววัย 39 ปี ซึ่งทำงานกับบริษัทซีเมนส์แห่งเยอรมนีประจำเวียดนาม บอกว่า คนเวียดนามรุ่นใหม่อยากใช้ชีวิตให้เพลิดเพลินและบำรุงบำเรอตัวเองด้วยสิ่งหรูๆ โดยสำหรับตัวเธอเองซื้อกระเป๋าหลุยส์ วิตตอง ไปแล้ว 5 ใบ ราคา 1,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 34,000 บาท)

"ถ้าฉันสามารถซื้อบางอย่างดีๆ ได้ มันทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจ เพราะคุณสามารถอวดรสนิยมและสไตล์ของคุณเองให้ชาวบ้านเห็น เพื่อนของฉันมีหลุยส์ วิตตอง 50 ใบ แต่ฉันคิดว่าสำหรับตัวฉันเองมี 5 ใบก็น่าจะพอ แต่ฉันก็ไม่กล้าบอกพ่อฉันหรอกว่าฉันมีกระเป๋านี้" เหงียน ทิ คัม แวน กล่าว

เหงียน โฮอัง เตรียะ ดีลเลอร์ขายรถในเมืองโฮจิมินห์ บอกว่า ในกลุ่มคนเวียดนามที่รวยมากนั้น จะนิยมซื้อรถยี่ห้อยอดนิยมอย่างเบนซ์หรือไม่ก็บีเอ็มดับเบิลยู และที่น่าทึ่งคือซื้อด้วยเงินสด

"ในอเมริกา คุณซื้อแบบผ่อนส่ง แต่ที่นี่จ่ายด้วยเงินสด บางคนหอบเงินใส่กระเป๋ามาเลยสดๆ 400,000 ดอลลาร์" ดีลเลอร์รายนี้กล่าว

รายงานข่าวระบุว่า แม้ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เวียดนามจะสามารถลดความยากจนลงและคนมีรายได้มากขึ้น แต่ทว่าคนส่วนใหญ่ก็ยังยากจน โดยมีรายได้เพียงวันละ 1-2 ดอลลาร์

"คนรวยยิ่งรวยขึ้น ส่วนพวกเราส่วนใหญ่ต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตไปวันๆ เงินที่พวกเขาซื้อหลุยส์ วิตตอง สามารถซื้อวัวให้ชาวนาได้ตั้งหลายตัว" ด่าว ควง ฮัง คนขับแท็กซี่ในฮานอยกล่าว

คนรุ่นเก่า หู ง็อค วัย 90 ปี บอกว่า ลัทธิปัจเจกนิยมกำลังทำลายอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเวียดนาม เราอาจรวยขึ้นแต่ว่าอาจสูญเสียจิตวิญญาณ คนรุ่นใหม่กำลังแข่งกันเพื่อความสนุกทางวัตถุ


หน้า 20