FTAชะงักหลังออสซี่กดดันอาเซียนคุ้มครองIPมากกว่าWTO
FTA อาเซียน-ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชะงัก หลังออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์เสนอให้อาเซียนเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาให้มากกว่า
TRIPs
ไทยชูจุดยืนรับได้แค่ความร่วมมือทางทรัพย์สินทางปัญญาเท่านั้น
เผยประเทศที่ยังตกลงไม่ได้ ทั้งสินค้า-บริการ-ลงทุน
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศคาดลากยาวถึง พ.ค.2551
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์
เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ"
ถึงความคืบหน้าในการเจรจาจัดทำความตกลงเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์
ว่า
ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้ในบทว่าด้วยเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา
ทางออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์เสนอขอให้อาเซียนเพิ่มความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญา
(enforcement) ที่มาก กว่าที่ผูกพันไว้ในข้อตกลงองค์การการค้าโลก (WTO)
หรือ TRIPs Plus
ซึ่งทำให้ประเทศสมาชิกอาเซียนไม่สามารถยอมรับข้อเสนอได้
เพราะแต่ละประเทศมีระดับการคุ้มครองทรัพย์ทางปัญญาที่แตกต่างกัน
ข้อบททรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายที่ออสเตรเลียเสนอมีความเข้มงวดกว่าที่ไทยผูกพันไว้ในดับบลิวทีโอ
และสูงกว่าข้อเสนอในข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างไทย-ออสเตรเลีย
และไทย-นิวซีแลนด์ ดังนั้นท่าทีของไทยในการเจรจาเรื่องนี้
ก็คือการสร้างความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาเท่านั้น
ซึ่งไทยได้เสนอเรื่องนี้ไปยังที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน (SEOM)
ร่วมกับสมาชิกประเทศอาเซียนอื่นแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่า
ระดับความแตกต่างด้านทรัพย์สินทางปัญญาภายในประเทศอาเซียนที่มีความแตกต่างกันนี้
จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้การเจรจาความตกลง เอฟทีเออาเซียน-ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้
ยกตัวอย่างเช่น บางประเทศที่ได้เจรจาเอฟทีเอกับสหรัฐ
ซึ่งเป็นประเทศที่มีข้อเสนอด้านทรัพย์สินทางปัญญาสูงกว่าที่ผูกพันไว้ในดับบลิวทีโอ
ก็เท่ากับยอมรับข้อเสนอเหล่านี้ได้ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย เป็นต้น
จะส่งผลต่อการลงมติเป็นเอกฉันท์ของอาเซียน
ก่อนหน้านี้ นางสาวชุติมา บุณยประภัศร
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
ได้ประกาศเลื่อนกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการเจรจาเอฟทีเอฉบับนี้ออกไปจากภายในปี
2550 เป็นเดือนพฤษภาคม 2551
เนื่องจากยังมีอุปสรรคที่ยังตกลงกันไม่ได้หลายประการ
โดยประเด็นสำคัญคือ การเปิดเสรีบริการและการลงทุน กรอบการลดภาษี
และความร่วมมือด้านสุขอนามัย
"อุปสรรคสำคัญ คือ
ออสเตรเลียเพิ่งจะยื่นข้อเสนอภาคการค้าบริการและการลงทุน
ซึ่งมากกว่าในกรอบทวิภาคี ทำให้บางประเทศไม่สามารถรับได้
เพราะความผูกพันนี้จะเป็นการผูกมัดประเทศโดยไม่สามารถกลับมาแก้ไขได้
ส่วนกรอบการลดภาษีก็ยังมีปัญหา
เพราะออสเตรเลียไม่ต้องการให้มีสินค้าอ่อนไหว/อ่อนไหวสูง
แต่ต้องการให้ลดภาษี 0% เป็นขั้นต่ำที่สุด
ต่างจากที่อาเซียนเคยเจรจากับคู่ค้าอื่นก็มีทั้งสินค้าอ่อนไหว
และอ่อนไหวสูง
ทั้งยังมีปัญหาที่ออสเตรเลียไม่ยอมรับมาตรฐานของอาเซียน
เพราะเห็นว่าเป็นมาตรฐานที่ต่ำกว่า
ซึ่งจะต้องเจรจากันต่อไปว่าจะมีทางออกอย่างไร
ซึ่งมีกำหนดจะเจรจารอบต่อไปวันที่ 23-28 กันยายนนี้"
นางสาวชุติมากล่าว
อย่างไรก็ตาม ความตกลงเอฟทีเออาเซียน-ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์
มีความเข้มข้นน้อยกว่าในเอฟทีเอทวิภาคี
เพราะอาเซียนไม่ค่อยอยากจะเปิดในกรอบนี้
เนื่องจากหลายประเทศได้เจรจาทำเอฟทีเอทวิภาคีไป เช่น สิงคโปร์ ไทย
มาเลเซีย และบรูไน ส่วนกัมพูชา พม่า ลาว เวียดนาม และอินโดนีเซีย
ฟิลิปปินส์ ยังไม่ได้ทำ
สำหรับสถานการณ์การค้าระหว่างไทย-ออสเตรเลียในช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม-
มิถุนายน) ของปี 2550 ทั้งสองประเทศทำการค้าระหว่างกัน 4,743.93
ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีมูลค่าการส่งออก 2,828.95 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขยายตัวคิดเป็นร้อยละ 46.84 และมูลค่าการ นำเข้า 1,914.98
ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 11.11
โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้าออสเตรเลีย 913.97 ล้านเหรียญสหรัฐ
เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ไทยได้ดุลออสเตรเลีย
203.06 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้เป็นผลมาจากการส่งออกสินค้าบางรายการมีการขยายตัวมาก อาทิ
ส่วนประกอบของยานยนต์ (กันชน ผ้าเบรก กระปุกเกียร์) ส่วน
ประกอบเครื่องยนต์ ลวดและเคเบิลที่หุ้มฉนวน
รถปิกอัพและรถจักรยานยนต์
เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับให้แสงสว่างหรือให้สัญญาณ ชุดไฟรถยนต์
เครื่องหอมและเครื่องสำอาง เช่น แชมพู ยาสีฟัน เป็นต้น
โดยกรมการค้าต่างประเทศ
ได้ออกหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าเพื่อการใช้สิทธิพิเศษ ภายใต้
FTA ไทย-ออสเตรเลีย ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2550 จำนวน 34,730 ฉบับ
เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,957.31 ล้านเหรียญสหรัฐ
หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 69.19 ของมูลค่าการส่งออกรวมไปออสเตรเลีย
สำหรับรายการสินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกโดยใช้สิทธิพิเศษฯ ได้แก่
รถบรรทุกชนิดแวนและปิกอัพ รถพยาบาล เครื่องปรับอากาศ
ปลาที่ปรุงแต่งหรือทำไว้ไม่ให้เสีย และส่วนประกอบยานยนต์ เป็นต้น
หน้า 6