"ทุนเท็กซ์" ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์
เลิกผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์ สำหรับสิ่งทอ ทั้งที่มีส่วนแบ่งตลาดถึง 25%
หันไปผลิตโพลีเอสเตอร์ รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์แทน ด้าน
สศอ.เผยผู้ผลิตโพลีเอสเตอร์ 3-4
รายสนใจขยายเพิ่มกำลังการผลิตแทนกำลังการผลิตของทุนเท็กซ์
มั่นใจไม่กระทบสิ่งทอกลางน้ำ-ปลายน้
แหล่งข่าวจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ
เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงทิศทางของอุตสาหกรรมสิ่งทอในปี 2551 ว่า
ภาวะการลงทุนในส่วนของอุตสาหกรรมสิ่งทอต้นน้ำจะเพิ่มขึ้น
เนื่องจากช่วงกลางปีที่ผ่านมา บริษัท ทุนเท็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ผู้ผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์รายใหญ่ของประเทศ
ได้ยุติการผลิตในส่วนของผลิตภัณฑ์ "เส้นใยโพลีเอสเตอร์"
สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอปีละ 200,000 ตัน แต่หันไปผลิต "โพลีเอสเตอร์"
รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ทำราคาดีกว่าแทน
โดยในส่วนของโพลีเอสเตอร์สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอก็ย้ายไปผลิตในประเทศอื่นที่มีศักยภาพแข่งได้มากกว่าในประเทศไทย
สาเหตุที่บริษัททุนเท็กซ์ได้ยุติการผลิตโพลีเอสเตอร์สำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอลง
เนื่องจากปัจจัยหลัก 3 ประการคือ
1)ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวต้องประสบกับภาวการณ์แข่งขันด้านราคากันอย่างรุนแรง
2)ไม่สามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ทดแทนที่มีราคาถูกกว่าได้ เช่น ฝ้าย, ไนลอน
และเรยอง และ 3)กำลังการผลิตโพลีเอสเตอร์ในจีนเพิ่มขึ้น
ทำให้สินค้าราคาถูกของจีนทะลักเข้ามาในไทยจำนวนมาก
และผู้ประกอบการไทยเองก็นิยมที่จะนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีนเข้ามาเป็นวัตถุดิบในประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม
ปัจจุบันการผลิตของอุตสาหกรรมสิ่งทอในส่วนกลางน้ำและปลายน้ำนั้น
เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ปริมาณการผลิตโพลีเอสเตอร์ปีละ 200,000
ตัน ที่บริษัททุนเท็กซ์ได้ยุติการผลิตไปนั้น อาจจะก่อให้เกิดการขาดแคลนได้
จึงเป็นเหตุผลให้บริษัทผู้โพลีเอสเตอร์รายใหญ่ประมาณ 3-4 ราย
สนใจที่จะขยายกำลังการผลิตโพลีเอสเตอร์เพื่อมาชดเชยปริมาณผลิตที่หายไป
"ปริมาณการผลิตโพลีเอสเตอร์โดยรวมของไทยอยู่ที่ปีละ 800,000-900,000 ตัน
ซึ่ง 200,000 ตันที่บริษัททุนเท็กซ์ได้หยุดการผลิตไปนั้น
คิดเป็นสัดส่วนการถือครองตลาดอยู่ประมาณ 25%
ดังนั้นจึงอาจเป็นผลให้เกิดการขาดแคลนโพลีเอสเตอร์ได้ เร็วๆ
นี้คาดว่าจะมีผู้ประกอบการออกมาประกาศการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตโพลีเอสเตอร์อย่างแน่นอน"
แหล่งข่าวกล่าว
ด้านนายสันต์ อุปพัทธางกูร กรรมการบริหาร บริษัท ปากน้ำเท็กซ์ไทย จำกัด
กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณโพลีเอสเตอร์ที่ผลิตภายในประเทศกับปริมาณนำเข้าถือว่า
เพียงพอต่อความต้องการใช้ แม้บริษัททุนเท็กซ์จะยุติการผลิตแล้วก็ตาม
ดังนั้นการที่จะมีผู้ผลิตลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตโพลีเอสเตอร์กำลังการผลิตอาจจะเป็นไปได้
แต่คาดว่าจะเน้นการส่งออกเป็นหลัก
นายโสฬาร สุทธิคณาศัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ทุนเท็กซ์
(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยืนยันกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า
ทางบริษัทยังไม่ปิดกิจการ เรายังดำเนินกิจการอยู่
แต่ยอมรับว่ามีการลดกำลังการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ลง เนื่องจากราคาน้ำมันแพง
วัตถุดิบปรับราคาสูงขึ้น หากทำมากจะขายขาดทุน จึงแค่รักษาตลาดเดิมไว้
ทั้งนี้เรายังมีการจ้างคนงาน 100 กว่าคน เพื่อผลิตเส้นใยสังเคราะห์
รายงานข่าวจากวงการเส้นใยสังเคราะห์ เปิดเผยว่า
บริษัททุนเท็กซ์มีบริษัทแม่อยู่ที่ไต้หวัน ที่ผ่านมามีปัญหา
เนื่องจากบริษัทแม่ที่ไต้หวันปิดกิจการและทางบริษัททุนเท็กซ์ในไทยกำลังอยู่ระหว่างการหาผู้ร่วมทุนใหม่
ทำให้มีกระแสข่าวตั้งแต่ต้นปี 2550 ว่า
ทางบริษัทขาดสภาพคล่องและจะปิดกิจการ
ทั้งนี้บริษัททุนเท็กซ์มีการจ้างคนงานประมาณ 1,000 คน
อย่างไรก็ตามการลดกำลังการผลิตของ
บริษัททุนเท็กซ์จะไม่ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมสิ่งทอ
เนื่องจากยังมีบริษัทที่ผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์อีก 8-9 บริษัท
ด้านนางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
(สศอ.) กล่าวถึงภาวะของอุตสาหกรรมสิ่งทอ ว่า ช่วง 8 เดือน (มกราคม-สิงหาคม)
ที่ผ่านมาการส่งออกสิ่งทอมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3
เป็นผลมาจากการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกสิ่งทอไปยังประเทศกลุ่มอาเซียน
อาทิ เวียดนาม, กัมพูชา และลาว โดยคาดว่าในปี 2550
นี้อุตสาหกรรมสิ่งทอจะมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10
ขณะนี้มีบริษัทใหญ่ในกลุ่มผลิตเส้นใยโพลี เอสเตอร์ที่มีอยู่เดิม
สนใจจะขยายกำลังการผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์
ในปริมาณที่ทุนเท็กซ์ยกเลิกการผลิต โดยมีการเพิ่มเงินทุนหมุนเวียน
เดิมการวางแผนการผลิตไว้ แต่ยังไม่เต็มการผลิต
ซึ่งในส่วนนี้ก็จะเพิ่มกำลังการให้ได้เต็มกับที่สร้างไว้ตั้งแต่ต้น
ในอดีตมีการแข่งขันได้ราคา
และมีการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากจีนเข้ามาภายในประเทศจำนวนมาก
จึงเป็นเหตุผลให้บริษัททุนเท็กซ์ ไม่สามารถดำเนินการผลิตในส่วนนี้ต่อได้
บ.ทุนเท็กซ์ ประเทศไทย มีแผนเพื่อดำเนินการผลิต non-woven
โพลีเอสเตอร์รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในเดือนมิถุนายน 2549
โดยโพลีเอสเตอร์สายใหม่ที่จะดำเนินการผลิตจะมีกำไรสูงกว่าผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน
โดยบริษัทได้ทำการปรับปรุงโรงงานผลิตโพลีเอสเตอร์ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
จังหวัดระยอง และคาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2549
โดยปัจจุบันกำลังการผลิตรวมประมาณ 256,000 ตันต่อปี
หน้า 7
|