"อะเมซอน-กูเกิล"
ลุย "E-book" ธุรกิจน้องใหม่ที่น่าจับตา
ฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังมาถึงคงจะเป็นฤกษ์ดีของ 2
ค่ายใหญ่แห่งวงการอินเทอร์เน็ต "อะเมซอน" และ "กูเกิล" ที่มี
แผนจะบุกธุรกิจดิจิทัลที่น่าสนใจอีก ประเภทหนึ่ง นั่นคือ
อิเล็กทรอนิกส์-บุ๊ก หรืออีบุ๊ก
(E-book)
นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่า
เดือนตุลาคมนี้ร้านค้าปลีกออนไลน์ชื่อดังอย่าง "อะเมซอน" (Amazon.com)
จะส่ง "คินเดิล" (Kindle)
อุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ฉบับพกพา ราคา 400-500
ดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเสนอหัวเรื่องให้หนอนหนังสือเลือกอ่านกว่า 4
หมื่นเรื่อง
"คินเดิล" ประกอบด้วยคีย์บอร์ด เว็บ บราวเซอร์ ที่สามารถใช้จดโน้ต
หรือค้นหาข้อความที่ต้องการ
และสามารถเชื่อมต่อไร้สายเข้าสู่เว็บไซต์ของอะเมซอนได้โดยไม่ต้องต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์
มากกว่านั้น
อุปกรณ์ชิ้นนี้ยังให้บริการอ่านหนังสืออ้างอิงของอะเมซอน
และยังให้ลูกค้าเลือกเป็นสมาชิกหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์ก
ไทม์ส, เดอะ วอลล์สตรีต เจอร์นัล หรือหนังสือพิมพ์เลอ มอลเต้
ของฝรั่งเศส ได้ฟรีอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารสำนักพิมพ์หลายแห่งเห็นว่า
การเข้ามาสู่โลกอีบุ๊กของอะเมซอนนั้น
ถือเป็นบททดสอบหลักถึงความคิดที่ว่า
สักวันหนึ่งสื่อหนังสือและหนังสือพิมพ์จะถูกบริโภคในรูปแบบดิจิทัลได้หรือไม่
ขณะเดียวกัน ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง "กูเกิล"
ก็มีแผนเดินหน้าเรื่องการให้บริการอ่านหนังสือบนโลกออนไลน์เช่นกัน
เหตุผลเพราะ 2 ปีที่ผ่านมา โปรแกรมค้นหาหนังสือของกูเกิล (Google
Book Search Parter Program) นั้น สำนักพิมพ์ต่างๆ
จะจัดหาหนังสือเวอร์ชั่นดิจิทัลบางส่วนใส่ไว้ในฐานข้อมูลของกูเกิลเพื่อให้คนสนใจได้เข้ามาอ่าน
โดยทางกูเกิลให้สัญญาว่าในอนาคตจะเก็บเงินและนำรายได้มาแบ่งกัน
ดังนั้น
ก่อนสิ้นปีนี้หากผู้ต้องการอ่านหนังสือทางออนไลน์ผ่านกูเกิลอาจจะต้องเสียเงินเพื่ออ่านหนังสือเวอร์ชั่นเต็มและถูกลิขสิทธิ์ตามราคาบนปกหนังสือเล่มนั้น
และเงินที่ได้กูเกิลก็จะแบ่งให้กับทางสำนักพิมพ์ส่วนหนึ่ง
ทั้งนี้ อะเมซอนและกูเกิลไม่ได้กล่าวถึงแผนงานทางธุรกิจอื่นๆ
แต่อย่างใด
และไม่ได้พูดถึงความคาดหวังในการบุกธุรกิจหนังสือที่มีมูลค่าสูงถึง
35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีด้วย
แต่การให้บริการในครั้งนี้ของสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการอินเทอร์เน็ต
จะเป็นตัวช่วยตอบคำถามว่า
ผู้บริโภคพร้อมหรือยังที่จะอ่านหนังสือบนหน้าจอสกรีนแทนบนหน้ากระดาษที่มีมานับพันๆ
ปี
"หนังสือเป็นตัวแทนที่ค่อนข้างมีคุณค่าที่ดีสำหรับผู้บริโภค
พวกเขาสามารถโชว์ หรือส่งต่อให้เพื่อนคนอื่นๆ ได้" ไมเคิล
การ์เตนเบิร์ก ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยจูปิเตอร์ รีเสิร์ช
ผู้ซึ่งไม่เชื่อว่ารายได้จากตลาดของอีบุ๊กจะมาเป็นที่นิยมในเร็วๆ
นี้
"พวกเราใช้เวลาในการศึกษาอุปกรณ์อีบุ๊กในตลาดเป็นเวลามากกว่าสิบปี
และผลที่ตามมาด้านรายได้ดูเหมือนว่าจะไม่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันใกล้นี้"
หากย้อนดูประวัติศาสตร์ของอีบุ๊ก พบว่าในปลาย พ.ศ.2530 ซิลิคอน
วัลเล่ย์ ได้สร้าง "ร็อกเกตบุ๊ก" (RocketBook) และ "ซอฟต์บุ๊ก
รีดเดอร์" (SoftBook Reader) แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
เพราะมีขนาดใหญ่เทอะทะ และมีตัวเลือกของหนังสือในปริมาณที่จำกัด
จึงทำให้ยอดขายไม่เป็นดังเป้าที่ต้องการ
แต่ความหวังของอีบุ๊กกลับเริ่มสดใสขึ้นอีกครั้ง
เมื่อปีที่แล้วโซนี่เปิดตลาดให้กับอีบุ๊ก โดยส่ง
"โซนี่รีดเดอร์" ราคา 300 ดอลลาร์สหรัฐ หน้าจอขนาด 6 นิ้ว
สามารถจดจำหนังสือได้ 80 เล่ม และเปิดอ่านได้ถึง 7,500 หน้า
โดยมีหนังสือดิจิทัลกว่า 18,000 เรื่องจากทั่วโลก
พร้อมการรายงานข่าวจากบิสซิเนส วีก มานำเสนอลูกค้า
โซนี่ไม่ได้ให้ข้อมูลว่าสามารถสร้างยอดได้เท่าไร
แต่มีสัญญาณอย่างชัดเจนว่า โซนี่รีดเดอร์สามารถโตได้ด้วยดี
เนื่องจากโซนี่ได้ทุ่มโฆษณาสินค้าชนิดนี้มากขึ้นตามเว็บไซต์ หลักๆ
ของอเมริกา
"การอ่านหนังสือรูปแบบดิจิทัลไม่ได้มาแทนการอ่านหนังสือเล่ม
แต่มันมาแทนตั้งหนังสือ จำนวนมากๆ ดังนั้นจะเห็นว่า
ไม่ว่าที่ใดก็ตาม เราจะเห็นผู้คนที่กำลังเดินอยู่ในรถไฟใต้ดิน
สนามบิน ถืออุปกรณ์ของเรา" รอน ฮาวกิ้นส์
ผู้ช่วยประธานฝ่ายระบบการอ่านหนังสือเคลื่อนที่ ค่ายโซนี่ กล่าว
ด้าน แมทซ์ ซาตส์ ผู้ช่วยประธานฝ่ายดิจิทัล แห่งสำนักพิมพ์แรนดอม
เฮาส์ กล่าวว่า "ช่วง 6-12 เดือนที่ผ่านมา
เริ่มมีสัญญาณและพลังที่น่ากลัวอย่างมากของอีบุ๊ก
ทำให้ปัจจุบันเราได้มีการจัดหาหัวเรื่องของหนังสือเพื่อทำอีบุ๊กให้มากขึ้น
โดยมีแผนที่จะเพิ่มอีบุ๊กเป็น 6,500 เรื่องในปีหน้า
จากปัจจุบันที่มีอยู่ 3,500 เรื่อง"
ถึงแม้ว่าโครงการทั้ง 2 ของอะเมซอน และ กูเกิล
จะได้รับความสนใจอย่างมาก
แต่ก็ได้สร้างความสงสัยให้กับร้านค้าปลีกหนังสือเล่มอยู่ดี
"สตีเฟ่น ริกจิโอ" ผู้บริหาร บาร์ แอนด์ โนเบิล
ร้านขายหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา โต้แย้งว่า
คนส่วนใหญ่ยังให้มูลค่าแก่หนังสือที่เป็นกระดาษอยู่
และจะไม่เปลี่ยนไปอ่านหนังสือในรูปแบบของดิจิทัล
แต่อย่างไรก็ตามบาร์ แอนด์ โนเบิล
ก็มีแผนที่จะแข่งกับกูเกิลและอะเมซอน
โดยปีหน้าทางร้านจะมีการนำหนังสือเวอร์ชั่นเต็มฉบับดิจิทัลขึ้นบนหน้าเว็บไซต์
รวมถึงจะมีการสร้างรีดเดอร์อิเล็กทรอนิกส์ของตัวเองขึ้นมาด้วย
หน้า 38