หอการค้าไทยเผยยุทธศาสตร์เศรษฐกิจปี
2551 ครึ่งปีแรกเอกชนมีบทบาทในการขับเคลื่อนสูง
ชี้ต้องร่วมกันผลักดันการบริโภคในประเทศ พึ่งพาส่งออกลำบาก
ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายนยังไม่ฟื้น ห่วงราคาสินค้า
นายดุสิต
นนทนาคร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า
ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจปี 2551 ของหอการค้าไทย
เห็นว่าภาครัฐและเอกชนควรร่วมมือผลักดันกระตุ้นการบริโภคในประเทศ
เนื่องจากการส่งออกในปีหน้ามีแนวโน้มชะลอตัวลง
และเอกชนควรมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมาก
เพราะกว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ารับงานและปรับตัววางนโยบายการทำงานต้องใช้เวลาอย่างน้อย
6 เดือน
ซึ่งในช่วงดังกล่าวเอกชนต้องกระตุ้นและดำเนินการด้วยตัวเองไปก่อน
"ปีหน้าเศรษฐกิจไทยคงหวังพึ่งการขับเคลื่อนจากการส่งออกเหมือนในปีนี้ไม่ได้
และรัฐบาลใหม่ก็เพิ่งเข้ามาทำงาน ดังนั้น
ในครึ่งปีแรกเอกชนจึงต้องมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างมาก"
นายดุสิต กล่าวและว่า
หอการค้าไทยจะจัดทำยุทธศาสตร์เสนอให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการ โดยวันที่ 8
พฤศจิกายน จะแถลงยุทธศาสตร์ของหอการค้าทั้งหมดอีกครั้ง
ด้าน ดร.เสาวณีย์
ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายนว่า
ดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 69.2 ลดลงจากระดับ 69.5
ในเดือนสิงหาคม โดยปัจจัยลบที่มีผลต่อดัชนี ได้แก่
ราคาน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้นต่อเนื่อง
ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดความกังวลกับค่าครองชีพ และราคาสินค้า
ที่ยังทรงตัวระดับสูง
รวมทั้งเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่กรมแผนที่ทหารและข่าวการพบระเบิดที่ อ.หาดใหญ่หลายจุด
ประกอบกับการลาออกของรัฐมนตรีส่งผลกระทบจิตวิทยาในเชิงลบต่อการบริโภค
ขณะที่ ดร.ธนวรรธน์
พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า
ดัชนีที่ลดลงแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังไม่รู้ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น
จึงชะลอการบริโภค อย่างไรก็ตาม
การที่ดัชนีรายได้ในอนาคตดีขึ้นชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคคาดหวังกับการเลือกตั้ง
และนำประเทศเข้าสู่สถานการณ์ปกติ เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
"การบริโภคในไตรมาส 4 ยังเป็นช่วงขาลง
รัฐบาลจึงควรเบิกจ่ายงบประมาณอยู่ดีมีสุข 1.5 หมื่นล้าน
ถ้ารวมกับการเลือกตั้งมีเงินหมุนเวียน 2-3 หมื่นล้านบาท
จะช่วยการบริโภคและเศรษฐกิจไตรมาส 4 ได้
และเชื่อว่าการบริโภคจะกลับมาฟื้นตัวไตรมาสแรกปีหน้าหลังได้รัฐบาลใหม่ที่ดี"
ดร.ธนวรรธน์ กล่าว