ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีนเริ่มรุนแรงมากขึ้น
ตั้งแต่บริษัทของเล่นยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ "แมทเทล" ประกาศเรียกคืน (recall)
สินค้าของเล่นเด็ก "made in china" หลายล้านชิ้นในสหรัฐและทั่วโลก
เนื่องจากตรวจสอบพบการปนเปื้อนของสารตะกั่วในสีของเล่นซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
แม้ภายหลังจะออกมาขอโทษโดยระบุว่า
ปัญหาเกิดจากดีไซน์ที่ผิดพลาดของแมทเทลเอง
แต่กรณีดังกล่าวทำให้ประเทศทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกับมาตรฐานสินค้าจีนอย่างจริงจัง
จนกลายเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกของจีน
รวมถึงประเด็นที่สหรัฐพยายามบีบให้จีนทำให้ค่าเงินหยวนแข็งขึ้นเพื่อลดการขาดดุลการค้า
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2550 สงครามการค้าของทั้งสองประเทศเปิดฉากอีกครั้ง
โดยเวทีที่ทั้งสองประเทศเลือกใช้คือ "องค์การระงับข้อพิพาท (DSB)
ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO)" ที่ประกาศตั้งคณะผู้พิจารณา (panel)
ตามคำร้องขอของสหรัฐ เป็นครั้งที่ 2 ในคดีที่สหรัฐร้องเรียนว่า
มาตรการและการบังคับใช้กฎหมายในการป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (IP)
ของจีนไม่เพียงพอ โดยสหรัฐอ้างว่า ในการเจรจา 2
ฝ่ายระหว่างจีนและสหรัฐไม่ได้ข้อยุติ จึงร้องขอให้มีการตั้งคณะผู้พิจารณา
โดยในครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2550
สหรัฐขอให้ตั้งคณะผู้พิจารณาเช่นกัน แต่จีนไม่ยอม จึงต้องมีการเจรจาต่อ
และเมื่อไม่ได้ข้อสรุป DSB จึงยอมรับที่จะตั้งคณะผู้พิจารณา
คณะผู้พิจารณาจะจำกัดการพิจารณาไว้ในประเด็นว่า
ปักกิ่งได้มีการกระทำที่เพียงพอในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาหรือไม่
รวมถึงประเด็นที่สหรัฐตอบโต้ทางการค้ากับจีน
เป็นมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐว่า เหมาะสมหรือไม่ โดยทางสหรัฐอ้างว่า
มูลค่าที่สหรัฐใช้ตอบโต้ทางการค้าจีน
คำนวณมาจากความเสียหายของอุตสาหกรรมสหรัฐที่ถูกจีนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
ปฏิกิริยาของจีนหลังทราบข่าวถึงกับประกาศว่า รู้สึกเสียใจที่ทราบว่า
สหรัฐต้องการให้มีการตั้งคณะผู้พิจารณา พร้อมทั้งยืนยันว่า
มาตรการของจีนสอดคล้องกับหลัก WTO พร้อมทั้งแถลงว่า
สหรัฐพยายามที่จะให้ประเทศกำลังพัฒนายอมรับพันธกรณีที่มากกว่า TRIPS
นอกจากนี้จีนมองว่า
ประเด็นนี้อาจจะทำลายความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ Mr. Lu
Xiankun เจ้าหน้าที่การค้าจีนระบุว่า
จีนรู้สึกเสียใจกับการดำเนินการทางกฎหมายของสหรัฐ
ปัจจุบันจีนถือเป็นแหล่งผลิตสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ตั้งแต่ DVDs, CDs, เสื้อผ้าของดีไซเนอร์ ไปจนถึงสินค้าที่เกี่ยวกับกีฬา
และยารักษาโรค
"สหรัฐตระหนักว่า จีนมีความพยายามที่จะปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา
และพยายามที่จะปรับปรุงการปกป้องและการบังคับใช้กฎหมาย
แต่ปักกิ่งไม่ได้ทำอย่างเพียงพอ
ทั้งนี้การหารือระหว่างสองประเทศถือว่าล้มเหลว ทำให้สหรัฐมองว่า
การตั้งคณะผู้พิจารณาเป็นสิ่งจำเป็น
กรณีนี้ส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมอเมริกัน ตั้งแต่ฮอลลีวูด ถึงซิลิคอน
วัลเลย์
จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลสหรัฐถึงได้จริงจังกับการต่อสู้กับการละเมิด"
นายแดน ฮันเตอร์ เจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐกล่าว
นายฮันเตอร์ปฏิเสธที่จะทบทวนข้อกล่าวหาของสหรัฐที่มีต่อจีน
โดยเขาอ้างถึงคำพูดของนาย Juan Millan นักกฎหมายการค้าของสหรัฐที่กล่าวว่า
การละเมิดในจีนอยู่ในระดับที่สูงเกินกว่าจะรับได้
นอกจากนี้ยังตั้งข้อสังเกตว่า จีนกำหนดให้สินค้าที่มีการละเมิดมากกว่า 500
ชิ้นจึงจะถูกดำเนินคดีทางอาญา ซึ่งเราพบว่ามันยากที่จะเข้าใจ
อย่างไรก็ตามเหตุใดจีนถึงกำหนดระดับสินค้าขั้นต่ำไว้ และหากในกรณีที่จับได้
499 ชิ้น เท่ากับว่าเขาจะไม่ถูกดำเนินคดี
เบื้องหลังของกรณีนี้เกิดจากรัฐบาลสหรัฐได้รับแรงกดดันจากสภาคองเกรส
ให้ทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการที่สหรัฐขาดดุลการค้าอย่างรุนแรง
สหรัฐขาดดุลการค้าในปี 2549 สูงถึง 758.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
โดยขาดดุลการค้าให้กับจีนสูงที่สุดถึง 232.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ส่งผลกระทบให้เกิดการว่างงานจำนวนมาก
ซึ่งสาเหตุสำคัญเชื่อว่าเกิดจากการค้าที่ไม่เป็นธรรมจากประเทศอื่น
รัฐบาลสหรัฐจึงจำเป็นต้องนำประเด็นนี้เข้าสู่การหารือภายใต้ WTO
ในทางกลับกัน จีนร้องขอให้มีการหารือกับสหรัฐ
ซึ่งถือเป็นกระบวนการแรกภายใต้องค์กรระงับข้อพิพาทภายใต้ WTO ในคดี
สหรัฐใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) และต่อต้านการอุดหนุน (CVD)
กับการนำเข้ากระดาษเคลือบ (coated paper) จากจีน
โดยกระบวนการหารือสองฝ่ายจะใช้เวลา 60 วัน หากไม่ได้ข้อสรุป
จีนสามารถร้องขอให้มีการตั้งคณะผู้พิจารณาขึ้นมาพิจารณาคดีนี้ได้
กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐ เปิดการไต่สวนการอุดหนุนสินค้ากระดาษเคลือบจากจีน
และพบว่ามีการอุดหนุนจริง ต่อมาพบว่ามีการทุ่มตลาดในสินค้าชนิดเดียวกันด้วย
จึงประกาศใช้มาตรการทั้ง AD และ CVD กับสินค้ากระดาษเคลือบจากจีน
Mr. Gao Hucheng รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ของจีน ระบุว่า
การที่สหรัฐประกาศเก็บภาษี CVD และ AD ในสินค้าชนิดเดียวกัน
ทำให้เกิดภาษีซ้ำซ้อน และผิดกับหลักการของ WTO
สงครามการค้ายกแรกเพิ่งเริ่มขึ้น
โดยทั้งจีนและสหรัฐต่างเป็นโจทก์ยื่นฟ้องฝ่ายตรงข้ามคนละคดี
โลกคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า
ทั้งสองประเทศจะสามารถหาทางยุติข้อพิพาททางการค้าในครั้งนี้ได้หรือไม่
รวมทั้งประเทศอื่นจะได้รับผลกระทบอย่างไรกับสงครามของสองยักษ์ใหญ่ในครั้งนี้
หน้า 10
|