ความวิตกของหลายฝ่ายในทำนองที่ว่า ต่างชาติไม่เข้าใจ
และมองการรัฐประหารที่เกิดขึ้นโดยคณะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.)
ไปในเชิงลบ อันส่งผลกระทบต่อความเชื่อมมั่นและเศรษฐกิจของประเทศได้นั้น
วันนี้อาจจะพอคลายความวิตกลงได้บ้างเพราะเริ่มมีองค์กรระหว่างประเทศอย่างองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น
ออกมาพูดถึงเศรษฐกิจไทยหลังการรัฐประหารในเชิงบวกแล้ว
บทวิเคราะห์สถานการณ์ภายหลังการรัฐประหารในประเทศไทยของยูเอ็นที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงทรงตัว เงินบาทมีเสถียรภาพ
และปัจจัยที่เป็นอันตรายต่อตลาดการเงินในภูมิภาคมีน้อย พร้อมระบุไว้ด้วยว่า
การรัฐประหารที่เกิดขึ้นไม่มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยปี 2550
ในรายละเอียด ยูเอ็นได้คาดการณ์ว่า ปี 2550
เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่ระดับ 4.7% หาก คปค.ยังสามารถคงเสถียรภาพทางการเมืองไว้ได้
แต่ก็เตือนว่า ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
อาจจะตกลงแตะ 3.1% และอัตราเงินเฟ้อขยายตัวเกือบ 10% โดยค่าเงินบาทปรับตัวลงกว่า
20%
อย่างไรก็ตาม
จนถึงขณะนี้นักเศรษฐศาสตร์ของยูเอ็นชี้ว่ายังไม่เห็นผลกระทบที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทยจากการรัฐประหารที่โค่นอำนาจของพ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และสนับสนุนการคาดการณ์ของม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยที่กล่าวไว้หลังการรัฐประหารไม่นานว่า
เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 4.5% ในปีนี้
ตัวนายคิม ฮัคซู ซึ่งเป็น เลขาธิการ UNESCAP
ออกมาให้ความเห็นด้วยว่า ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาคของไทยยังคงแข็งแกร่ง
การส่งออกยังคงเข้มแข็ง เงินเฟ้อกำลังตกลง
อัตราแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างจะมีความยืดหยุ่น
และสำรองเงินตราต่างประเทศอยู่ในระดับสูงมีส่วนช่วยให้แนวโน้มที่ออกมาดี แต่ในช่วง
2-3 เดือนหน้านี้ นักลงทุนจะจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
และขอให้รัฐบาลรักษาการณ์รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนไว้
ข่าวนี้อาจจะพอช่วยให้คนไทยที่เป็นห่วงภาพเมืองไทยในสายตาต่างชาติสบายใจขึ้นได้บ้างน่ะ
!!!