จีนจ้องปิดประตูข้าว-ผลไม้ +ฉุนสธ.ขึ้นบัญชีดำสินค้าอาหารนำเข้า/เกษตรมึนหวั่นเคลียร์ไม่จบ
|
ค้าไทย-จีนระส่ำ จีนจ้องงัดมาตรการกีดกันนำเข้าสินค้าเกษตรไทย
หลังกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ขึ้นบัญชีดำสินค้าอาหารจากจีน
เกษตรมึนเพราะเป็นด่านแรกที่จีนขอคำชี้แจง พร้อม ตั้งคำถามไทย
มีสหรัฐอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เตรียมหารือสธ.หาคำตอบให้จีน
เผยหากจีนไม่พอใจ "ข้าว-ผลไม้" เจอแจคพอตแน่
แหล่งข่าวในวงการค้าไทย-จีน เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"
ว่าขณะนี้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับจีนมีความอึมครึมเป็นอย่างมาก
โดยเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุข
โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ของไทยได้ประกาศขึ้นบัญชีดำจับตาสินค้านำเข้าจากจีน
โดยระบุว่ามีการตรวจพบสารปนเปื้อนหลายรายการ
การดำเนินการดังกล่าวของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทำให้ทางฝ่ายจีนเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก
เพราะไทย-จีนได้ทำความตกลงที่จะร่วมมือในด้านการส่งออกสินค้าเกษตรซึ่งกันและกัน
แต่ในที่สุดไทยกับเป็นฝ่ายประกาศขึ้นบัญชีดำสินค้าจีน
"การกระทำของไทยดังกล่าวนายหู จิ่น เทา
ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่พอใจเป็นอย่างมาก
เพราะทั้งไทยและจีนมีความร่วมมือในด้านการส่งออกและนำเข้าสินค้าเกษตรระหว่างกัน"
แหล่งข่าวกล่าวและว่า
รัฐบาลจีนตั้งข้อสังเกตว่า ไทยมีสหรัฐเป็นผู้อยู่เบื้องหลังหรือไม่
และไทยทำตามความต้องการของสหรัฐหรือไม่
เพราะช่วงเวลานี้สหรัฐได้ประกาศกีดกันนำเข้าสินค้าจากจีนหลายรายการ
แต่จีนไม่เคยคาดคิดว่าจะเจอไทยกระทำเหมือนกับสหรัฐ
พร้อมกันนี้ทางรัฐบาลจีนได้เชิญผู้แทนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ผู้รับผิดชอบสินค้าเกษตรไปชี้แจงว่าไทยขึ้นบัญชีดำสินค้าจีนมีเหตุผลเบื้องลึกมากกว่าการระบุว่าพบสารปนเปื้อนหรือไม่"
แหล่งข่าวกล่าวและว่า
ขณะนี้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
มีความวิตกกังวลกับปัญหานี้เป็นอย่างมาก และคาดว่าเร็วๆ
นี้จะมีการหารือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
เพื่อนำคำตอบไปชี้แจงให้กับจีนได้รับทราบข้อเท็จจริง
เพื่อไม่ให้เกิดความร้าวฉานความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า
หลังจากรัฐบาลจีนได้เชิญผู้แทนหน่วยงานราชการของไทยไปชี้แจงแล้ว
หากคำตอบไม่เป็นที่พอใจของรัฐบาลจีน
ทางฝ่ายจีนได้เตรียมมาตรการตอบโต้การนำเข้าสินค้าจากไทย
มาตรการหนึ่งที่จีนคิดไว้คือการปิดด่านนำเข้าสินค้ามณฑลกวงตุ้ง
ซึ่งเป็นด่านที่สินค้าเกษตรของไทยไม่ว่าจะเป็นข้าว
และผลไม้เข้าไปมากที่สุด
แต่จากการศึกษาเบื้องต้นหากปิดด่านอาจจะขัดกับข้อตกลงองค์การการค้าโลก
(ดับบลิวทีโอ) จึงทำให้ขณะนี้จีนยังไม่ดำเนินการใดๆ ต่อสินค้าไทย
ประกอบกับขณะนี้ข้าวและผลไม้ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่ไทยส่งออกไปยังจีนค่อนข้างมากข้าวยังไม่ถึงฤดูเก็บเกี่ยวหลักคือเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม
ดังนั้นหากฝ่ายไทยยังทำความเข้าใจกับฝ่ายจีนไม่ได้
จีนอาจออกมาตรการห้ามนำเข้าข้าวและผลไม้จากไทยช่วงปลายปีนี้
อนึ่ง เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2550 นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่าการเปิดตลาดตามข้อตกลงเอฟทีเอไทย-จีน
ภายใต้กรอบอาเซียนจีน ทำให้มีการนำเข้าและส่งออกสินค้าเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะผักและผลไม้ ดังนั้นจึงได้ทำการตรวจวิเคราะห์คุณภาพอาหารนำเข้า
ข้อมูลจากด่านอาหารและยาเชียงแสน
จังหวัดเชียงรายพบว่าการตรวจสอบอาหารนำเข้าตั้งแต่ปี 2547-2550
มีการสุ่มตัวอย่างจำนวน 11,473 ตัวอย่าง พบปัญหาต่างๆ
จำนวนมากเช่นสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงในผักกาดขาว ลูกแพร์ ผักปวยเล้ง
รากบัว แครอท สารอะฟลาทอกซินในอาหารแห้ง ตะกั่วเกินมาตรฐานในหูฉลามแห้ง
เป็นต้น ทำให้ไทยจำเป็นต้องขึ้นบัญชีดำจับตาอาหารนำเข้าจากจีน
ที่มา :
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2247 26 ส.ค. - 29 ส.ค. 2550 |