นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย
เปิดเผยว่า
ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งมีความเป็นห่วงภาวะสภาพคล่องในอนาคตมาก
เพราะมีการประเมินว่าสภาพคล่องที่มีอยู่ขณะนี้ 3-4 แสนล้านบาท
จะถูกใช้หมดไปในปีหน้า
ทั้งนี้
สาเหตุมาจากเงินไหลออกนอกประเทศตามปกติจากเดิมที่มีปริมาณเงินไหลเข้าประเทศ
ขณะเดียวกันมีแนวโน้มจะมีการนำเงินในประเทศไปลงทุนในประเทศอื่นๆ
ซึ่งสมาคมธนาคารไทยได้หารือกับภาครัฐหลายครั้ง
ซึ่งภาครัฐได้ออกมาตรการป้องกันปัญหาการไหลออกของเงินแล้ว
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
สามารถเติมสภาพคล่องที่มีอยู่ให้เพียงพอ กับระบบเศรษฐกิจ
และหากมีปริมาณสภาพคล่องพอดีไทยจะผ่านพ้นปัญหาการขาดสภาพคล่องขณะนี้ไปได้
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
ขณะนี้ต้องยอมรับว่าได้ปรับลดลงทั่วโลก
โดยเฉพาะประเทศที่ตัวเลขเศรษฐกิจปรับลดลงอย่างมาก เช่น
อังกฤษลดดอกเบี้ยลง 1.5% สหรัฐก็ลดดอกเบี้ยลงแล้วหลายรอบ
ญี่ปุ่นและยุโรปเริ่มเกิดปัญหาและมีการลดดอกเบี้ย
ขณะที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยยังไม่ชะลอลงมากเหมือนต่างประเทศ
ดังนั้นจึงไม่เห็นความจำเป็นที่ไทยจะต้องประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน
(กนง.) เร่งด่วนเพื่อลดดอกเบี้ย
แต่เชื่อว่าประเทศไทยคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ดอกเบี้ยจะลดลงตามเศรษฐกิจปีหน้าที่จะชะลอลง
เพื่อรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นโยบายการเงินจะต้องปรับ ลดดอกเบี้ยลง
ส่วนจะลดลงเมื่อใดต้องรอการพิจารณาของ กนง.
ที่มีตัวเลขทางเศรษฐกิจครบถ้วน นายอภิศักดิ์ กล่าว
ก่อนหน้านี้ผู้ว่าการ ธปท.ออกมาระบุเช่นเดียวกันว่า
จะไม่ประชุม กนง.วาระเร่งด่วนตามที่หลายฝ่ายเรียกร้องเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมายังไม่ชะลอตัวจนเกินไป
ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า
ด้านการลงทุนเมกะ โปรเจกต์ของภาครัฐนั้น
เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำในปีหน้า
เนื่องจากภาคเอกชนยังไม่มีการลงทุนและการบริโภคของประชาชนยังชะลอ
เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้
โครงการเมกะโปรเจกต์จำเป็นต้องลงทุนอย่างรวดเร็วและใช้จ่ายเงินค่อนข้างเร็ว
โดยจะเป็นการใช้เงินกู้จากต่างประเทศมาเสริม นายอภิศักดิ์ กล่าว
ด้านนายประมนต์ สุธีวงศ์
ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
ภาคเอกชนคาดว่าท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี
การลงทุนภาครัฐน่าจะเริ่มต้นโครงการได้ และการผสมผสานการกู้จาก
ต่างประเทศ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตได้พอสมควร
ที่มา :
หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551