สรุปสถานการณ์ในตลาดโลก
ด้านความต้องการใช้
ความต้องการใช้เหล็กในตลาดโลกปี 2549 ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน ซึ่งมีความต้องการใช้เหล็ก 300 ล้านตันในปีที่ผ่านมา คิดเป็นอัตราขยายตัวร้อยละ 14.4 ในขณะที่อินเดียมีความต้องการเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เป็น 38 ล้านตัน การขยายตัวของภาคธุรกิจก่อสร้าง อุตสาหกรรมยานยนต์ และการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะย่างยิ่งภูมิภาคตะวันออกกลาง ทำให้ความต้องการใช้เหล็กในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่มา : ฝ่ายวิชาการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย < www.exim.go.th >
ความต้องการใช้เหล็กในตลาดโลกปี 2549 ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน ซึ่งมีความต้องการใช้เหล็ก 300 ล้านตันในปีที่ผ่านมา คิดเป็นอัตราขยายตัวร้อยละ 14.4 ในขณะที่อินเดียมีความต้องการเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เป็น 38 ล้านตัน
การขยายตัวของภาคธุรกิจก่อสร้าง อุตสาหกรรมยานยนต์ และการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะย่างยิ่งภูมิภาคตะวันออกกลาง ทำให้ความต้องการใช้เหล็กในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ที่มา : ฝ่ายวิชาการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
< www.exim.go.th >
ด้านการผลิต
ปริมาณการผลิตเหล็กดิบ (Crude Steel) ของโลกโดยรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.73 ในปี 2549 โดยเพิ่มจาก 1.11 พันล้านเมตริกตันในปี 2548 เป็น 1.22 พันล้านตันในปี 2549 โดยประเทศจีนถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก รองลงมาคือ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เกาหลีใต้ และเยอรมัน ตามลำดับ และเมื่อพิจารณา อัตราการเติบโตของผลผลิตเหล็กพบว่า จีนมีอัตราการเพิ่มสูงถึงร้อยละ 19.63 อินเดีย ร้อยละ 12.58 ทำให้ปริมาณการผลิตในเอเชียสูงถึงร้อยละ 14.07 ในขณะที่ยุโรปและอเมริกามีอัตราการโตเพียงร้อยละ 6 และ 5 ตามลำดับ ..........ตาราง